ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ปาปัวนิวกินี เงินเฟ้ออาหาร
ราคา
ค่า เงินเฟ้ออาหาร ใน ปาปัวนิวกินี ปัจจุบันเป็น 6.4 % เงินเฟ้ออาหาร ใน ปาปัวนิวกินี ลดลงเหลือ 6.4 % เมื่อ 1/9/2566 หลังจากที่มันเป็น 7.4 % เมื่อ 1/6/2566 จาก 1/3/2521 ถึง 1/12/2566 ค่าเฉลี่ย GDP ใน ปาปัวนิวกินี คือ 4.29 % ระดับสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/3/2546 โดยมีค่าเป็น 23.73 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/12/2553 โดยมีค่าเป็น -90.4 %
เงินเฟ้ออาหาร ·
แม็กซ์
เงินเฟ้อด้านอาหาร | |
---|---|
1/3/2521 | 5.8 % |
1/6/2521 | 4.25 % |
1/9/2521 | 4.33 % |
1/12/2521 | 2.04 % |
1/3/2522 | 1.27 % |
1/6/2522 | 2.91 % |
1/9/2522 | 4.43 % |
1/12/2522 | 9.61 % |
1/3/2523 | 16.14 % |
1/6/2523 | 17.55 % |
1/9/2523 | 17.43 % |
1/12/2523 | 16.06 % |
1/3/2524 | 13.56 % |
1/6/2524 | 9.63 % |
1/9/2524 | 5.38 % |
1/12/2524 | 3.74 % |
1/3/2525 | 2.64 % |
1/6/2525 | 4.61 % |
1/9/2525 | 5.91 % |
1/12/2525 | 6.2 % |
1/3/2526 | 4.93 % |
1/6/2526 | 4.41 % |
1/9/2526 | 4.48 % |
1/12/2526 | 4.01 % |
1/3/2527 | 6.12 % |
1/6/2527 | 7.44 % |
1/9/2527 | 7.92 % |
1/12/2527 | 7.05 % |
1/3/2528 | 5.58 % |
1/6/2528 | 3.74 % |
1/9/2528 | 3.3 % |
1/12/2528 | 2.93 % |
1/3/2529 | 2 % |
1/6/2529 | 2.35 % |
1/9/2529 | 2.72 % |
1/12/2529 | 2.96 % |
1/3/2530 | 3.45 % |
1/6/2530 | 2.41 % |
1/9/2530 | 1.9 % |
1/12/2530 | 1.96 % |
1/3/2531 | 3.68 % |
1/6/2531 | 3.44 % |
1/9/2531 | 3.9 % |
1/12/2531 | 4.35 % |
1/3/2532 | 3.83 % |
1/6/2532 | 3.83 % |
1/9/2532 | 3.86 % |
1/12/2532 | 4 % |
1/3/2533 | 5.72 % |
1/6/2533 | 10.26 % |
1/9/2533 | 10.48 % |
1/12/2533 | 11.75 % |
1/3/2534 | 9.45 % |
1/6/2534 | 7.36 % |
1/9/2534 | 7.97 % |
1/12/2534 | 6.33 % |
1/3/2535 | 4.85 % |
1/6/2535 | 3.34 % |
1/9/2535 | 2.02 % |
1/12/2535 | 2.89 % |
1/3/2536 | 3.61 % |
1/6/2536 | 2.49 % |
1/9/2536 | 2.16 % |
1/12/2536 | 1.66 % |
1/3/2537 | 1.32 % |
1/6/2537 | 0.89 % |
1/9/2537 | 0.8 % |
1/12/2537 | 4.27 % |
1/3/2538 | 9.74 % |
1/6/2538 | 15.96 % |
1/9/2538 | 23.16 % |
1/12/2538 | 22.95 % |
1/3/2539 | 20.8 % |
1/6/2539 | 17.12 % |
1/9/2539 | 11.78 % |
1/12/2539 | 6.59 % |
1/3/2540 | 4.4 % |
1/6/2540 | 6.16 % |
1/9/2540 | 6.71 % |
1/12/2540 | 8.42 % |
1/3/2541 | 10.31 % |
1/6/2541 | 10.34 % |
1/9/2541 | 15.2 % |
1/12/2541 | 17.28 % |
1/3/2542 | 15.42 % |
1/6/2542 | 13.91 % |
1/9/2542 | 19.57 % |
1/12/2542 | 18.73 % |
1/3/2543 | 19.89 % |
1/6/2543 | 19.58 % |
1/9/2543 | 8.76 % |
1/12/2543 | 7.71 % |
1/3/2544 | 5.88 % |
1/6/2544 | 7.91 % |
1/9/2544 | 11.84 % |
1/12/2544 | 12.48 % |
1/3/2545 | 15.93 % |
1/6/2545 | 17.3 % |
1/9/2545 | 17.14 % |
1/12/2545 | 17.81 % |
1/3/2546 | 23.73 % |
1/6/2546 | 14.93 % |
1/9/2546 | 8.86 % |
1/12/2546 | 6.86 % |
1/6/2547 | 2.8 % |
1/9/2547 | 1.31 % |
1/3/2548 | 1.42 % |
1/6/2548 | 1.41 % |
1/9/2548 | 3.73 % |
1/12/2548 | 7.64 % |
1/3/2549 | 3.47 % |
1/6/2549 | 4.74 % |
1/9/2549 | 9.15 % |
1/12/2549 | 3.96 % |
1/3/2550 | 2.64 % |
1/6/2550 | 1.12 % |
1/12/2550 | 2.18 % |
1/3/2551 | 10.12 % |
1/6/2551 | 15.23 % |
1/9/2551 | 20.76 % |
1/12/2551 | 20.17 % |
1/3/2552 | 14.71 % |
1/6/2552 | 8.36 % |
1/9/2552 | 3.7 % |
1/12/2552 | 2.92 % |
1/3/2554 | 0.8 % |
1/3/2555 | 0.2 % |
1/12/2556 | 0.8 % |
1/3/2557 | 2.7 % |
1/6/2557 | 5.5 % |
1/9/2557 | 5.1 % |
1/12/2557 | 6.1 % |
1/3/2558 | 5.3 % |
1/6/2558 | 3.8 % |
1/9/2558 | 4.1 % |
1/12/2558 | 6.3 % |
1/3/2559 | 5.9 % |
1/6/2559 | 6.4 % |
1/9/2559 | 5.3 % |
1/12/2559 | 2.9 % |
1/3/2560 | 3.5 % |
1/6/2560 | 2.7 % |
1/9/2560 | 3.9 % |
1/12/2560 | 1.3 % |
1/3/2561 | 0.3 % |
1/6/2561 | 0.4 % |
1/12/2561 | 2.7 % |
1/3/2562 | 3.4 % |
1/6/2562 | 3.3 % |
1/9/2562 | 3 % |
1/12/2562 | 2.3 % |
1/3/2563 | 2.5 % |
1/6/2563 | 2.9 % |
1/9/2563 | 2 % |
1/12/2563 | 1.6 % |
1/3/2564 | 1.7 % |
1/6/2564 | 4.9 % |
1/9/2564 | 5.6 % |
1/12/2564 | 5.2 % |
1/3/2565 | 6.2 % |
1/6/2565 | 5.2 % |
1/9/2565 | 8.1 % |
1/12/2565 | 9.5 % |
1/3/2566 | 8.7 % |
1/6/2566 | 7.4 % |
1/9/2566 | 6.4 % |
เงินเฟ้ออาหาร ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/9/2566 | 6.4 % |
1/6/2566 | 7.4 % |
1/3/2566 | 8.7 % |
1/12/2565 | 9.5 % |
1/9/2565 | 8.1 % |
1/6/2565 | 5.2 % |
1/3/2565 | 6.2 % |
1/12/2564 | 5.2 % |
1/9/2564 | 5.6 % |
1/6/2564 | 4.9 % |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ เงินเฟ้ออาหาร
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇵🇬 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) | 173.6 points | 171.6 points | ควอร์เตอร์ |
🇵🇬 อัตราเงินเฟ้อ | 3.86 % | 2.22 % | ควอร์เตอร์ |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ออสเตรเลีย
คืออะไร เงินเฟ้ออาหาร
ฟู้ดอินเฟลชัน หรืออัตราเงินเฟ้อในภาคอาหาร เป็นประเด็นที่มีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomics) โดยเฉพาะในเว็บไซต์แบบมืออาชีพอย่าง Eulerpool ซึ่งเรามุ่งเน้นการแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ถูกต้องและทันสมัย ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจและวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ในบทความนี้ เราจะแนะนำและอธิบายถึงฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ฟู้ดอินเฟลชัน หมายถึงการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการในภาคอาหารเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) การขาดแคลนวัตถุดิบ ภัยธรรมชาติ และการปรับตัวของกำลังการผลิต อุปสงค์และอุปทานในตลาด เป็นที่รู้กันดีว่าภาคอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักในการวัดฟู้ดอินเฟลชัน ดังนั้น อัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการในหมวดอาหารจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อระดับราคาสินค้าและบริการทั้งหมดในสังคม หน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ติดตามและรายงานฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยคือตารางดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์ โดยอีกส่วนหนึ่งของข้อมูลนั้นยังมาจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (National Statistical Office) ซึ่งเน้นการรวบรวมข้อมูลและทำการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ การวัดอัตราเงินเฟ้อในภาคอาหารจะใช้สถิติจากหลายหมวดหมู่ ยกตัวอย่างเช่น ราคาข้าวและเมล็ดพืช ราคาผักและผลไม้ และราคาผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เป็นต้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ภัยธรรมชาติที่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง ปัญหาการขนส่งสินค้า การเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบที่นำเข้า และการปรับตัวของระบบซับพลายเชน (Supply Chain) ในภาคอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ปีที่ผ่านมา ราคาข้าวที่เป็นสินค้าที่มีความสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทย ได้เพิ่มขึ้นกว่า 10% เนื่องจากปัญหาการเก็บเกี่ยวที่ไม่สมบูรณ์และการลดลงของพื้นที่เพาะปลูก ขณะเดียวกัน ราคาผักและผลไม้ก็เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7-8% เนื่องจากภาวะภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ปัญหาฟู้ดอินเฟลชันมีผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต ฝ่ายผู้บริโภคมักจะพบกับการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าในภาคอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องปรับการใช้ชีวิตและการตัดสินใจในการจับจ่ายใช้สอย ขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้ผลิตก็ต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งอาจะทำให้พวกเขาต้องหาวิธีการลดต้นทุนหรือปรับตัวในการผลิตเพื่อความอยู่รอด ความสำคัญของการติดตามและวิเคราะห์อัตราเงินเฟ้อในภาคอาหารจึงไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ในการติดตามฟู้ดอินเฟลชัน หน่วยงานต่างๆ และภาคธุรกิจมักใช้เครื่องมือและดัชนีต่างๆ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดทั่วไปที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในดัชนีนี้ มีการแบ่งแยกข้อมูลเป็นหมวดหมู่อย่างละเอียด เช่น อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ยารักษาโรค เสื้อผ้า และเครื่องพักอาศัย ซึ่งหมวดอาหารก็จะมีการรายงานแยกย่อยเพิ่มเติม เพื่อให้เห็นความแปรปรวนของราคาที่ชัดเจนขึ้น การเข้าใจฟู้ดอินเฟลชันยังเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายการเงินและการคลังของประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับเงินเฟ้อ โดยการปรับนโยบายดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การทราบข้อมูลเกี่ยวกับฟู้ดอินเฟลชันจึงเป็นส่วนสำคัญในการทำให้การดำเนินนโยบายมีประสิทธิภาพ สุดท้ายนี้ ความรู้เกี่ยวกับฟู้ดอินเฟลชันยังเป็นประโยชน์ต่อบุคคลทั่วไปโดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน การทราบถึงสาเหตุและผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อในภาคอาหารสามารถช่วยให้คุณสามารถรับมือและวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยเป็นหัวข้อที่ต้องการความสนใจและการวิเคราะห์อย่างละเอียด ด้วยความสำคัญที่มีผลกระทบต่อทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน การเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟู้ดอินเฟลชันจะช่วยให้คุณสามารถประเมินสถานการณ์และเตรียมตัวในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ดีขึ้น ทาง Eulerpool เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เป็นที่น้ำหนึงใจเดียวกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ