ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇵🇬

ปาปัวนิวกินี ดุลการค้า

ราคา

9.769 ล้านล้าน PGK
การเปลี่ยนแปลง +/-
-631.2 ล้าน PGK
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-6.26 %

มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ปาปัวนิวกินี คือ 9.769 ล้านล้าน PGK ดุลการค้าใน ปาปัวนิวกินี ลดลงไปที่ 9.769 ล้านล้าน PGK ในวันที่ 1/3/2566 หลังจากที่เป็น 10.4 ล้านล้าน PGK ในวันที่ 1/12/2565 ตั้งแต่ 1/6/2540 ถึง 1/6/2566 ค่าเฉลี่ย GDP ใน ปาปัวนิวกินี คือ 2.5 ล้านล้าน PGK จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 1/12/2565 ด้วยค่า 10.4 ล้านล้าน PGK ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/12/2540 ด้วยค่า 75 ล้าน PGK

แหล่งที่มา: Bank of Papua New Guinea

ดุลการค้า

  • แม็กซ์

ยอดการค้า

ดุลการค้า ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/3/25669.769 ล้านล้าน PGK
1/12/256510.4 ล้านล้าน PGK
1/9/25658.188 ล้านล้าน PGK
1/6/25657.679 ล้านล้าน PGK
1/3/25655.522 ล้านล้าน PGK
1/12/25644.008 ล้านล้าน PGK
1/9/25645.544 ล้านล้าน PGK
1/6/25646.457 ล้านล้าน PGK
1/3/25645.507 ล้านล้าน PGK
1/12/25635.861 ล้านล้าน PGK
1
2
3
4
5
...
11

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇵🇬
กระแสเงินทุน
3.703 ล้านล้าน PGK7.709 ล้านล้าน PGKควอร์เตอร์
🇵🇬
การผลิตน้ำมันดิบ
31 BBL/D/1K31 BBL/D/1Kรายเดือน
🇵🇬
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ
-21.1 ล้าน PGK-726.4 ล้าน PGKควอร์เตอร์
🇵🇬
ดัชนีการก่อการร้าย
0 Points0 Pointsประจำปี
🇵🇬
ทองคำสำรอง
1.33 Tonnes1.33 Tonnesควอร์เตอร์
🇵🇬
นำเข้า
2.48 ล้านล้าน PGK2.064 ล้านล้าน PGKควอร์เตอร์
🇵🇬
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด
3.49 ล้านล้าน PGK8.317 ล้านล้าน PGKควอร์เตอร์
🇵🇬
ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
16.1 % of GDP22.1 % of GDPประจำปี
🇵🇬
ส่งออก
10.429 ล้านล้าน PGK11.833 ล้านล้าน PGKควอร์เตอร์

ในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลัก ปาปัวนิวกินีมีการขาดดุลการค้าที่เกินดุลอย่างต่อเนื่อง ปาปัวนิวกินีส่งออกทองคำ น้ำมัน ทองแดง กาแฟ โกโก้ น้ำมันพืช ปลา และไม้ เป็นหลัก ขณะที่สินค้านำเข้าหลักของประเทศประกอบด้วยเชื้อเพลิง ข้าว ยานพาหนะ เครื่องจักรหนัก เนื้อสัตว์ เหล็กและเหล็กกล้า และยางรถยนต์ คู่ค้าหลักของปาปัวนิวกินีได้แก่ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์

คืออะไร ดุลการค้า

ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว