ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ปาปัวนิวกินี ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ปาปัวนิวกินี คือ 9.769 ล้านล้าน PGK ดุลการค้าใน ปาปัวนิวกินี ลดลงไปที่ 9.769 ล้านล้าน PGK ในวันที่ 1/3/2566 หลังจากที่เป็น 10.4 ล้านล้าน PGK ในวันที่ 1/12/2565 ตั้งแต่ 1/6/2540 ถึง 1/6/2566 ค่าเฉลี่ย GDP ใน ปาปัวนิวกินี คือ 2.5 ล้านล้าน PGK จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 1/12/2565 ด้วยค่า 10.4 ล้านล้าน PGK ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/12/2540 ด้วยค่า 75 ล้าน PGK
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/6/2540 | 290 ล้าน PGK |
1/9/2540 | 259 ล้าน PGK |
1/12/2540 | 75 ล้าน PGK |
1/3/2541 | 141 ล้าน PGK |
1/6/2541 | 417 ล้าน PGK |
1/9/2541 | 489 ล้าน PGK |
1/12/2541 | 429 ล้าน PGK |
1/3/2542 | 311 ล้าน PGK |
1/6/2542 | 495 ล้าน PGK |
1/9/2542 | 768 ล้าน PGK |
1/12/2542 | 696 ล้าน PGK |
1/3/2543 | 796 ล้าน PGK |
1/6/2543 | 758 ล้าน PGK |
1/9/2543 | 734 ล้าน PGK |
1/12/2543 | 746 ล้าน PGK |
1/3/2544 | 807 ล้าน PGK |
1/6/2544 | 834 ล้าน PGK |
1/9/2544 | 837 ล้าน PGK |
1/12/2544 | 462 ล้าน PGK |
1/3/2545 | 486 ล้าน PGK |
1/6/2545 | 609 ล้าน PGK |
1/9/2545 | 468 ล้าน PGK |
1/12/2545 | 759 ล้าน PGK |
1/3/2546 | 955 ล้าน PGK |
1/6/2546 | 803 ล้าน PGK |
1/9/2546 | 921 ล้าน PGK |
1/12/2546 | 932 ล้าน PGK |
1/3/2547 | 970 ล้าน PGK |
1/6/2547 | 960 ล้าน PGK |
1/9/2547 | 561 ล้าน PGK |
1/12/2547 | 1.24 ล้านล้าน PGK |
1/3/2548 | 822 ล้าน PGK |
1/6/2548 | 1.45 ล้านล้าน PGK |
1/9/2548 | 1.49 ล้านล้าน PGK |
1/12/2548 | 1.8 ล้านล้าน PGK |
1/3/2549 | 1.4 ล้านล้าน PGK |
1/6/2549 | 2.23 ล้านล้าน PGK |
1/9/2549 | 1.68 ล้านล้าน PGK |
1/12/2549 | 1.45 ล้านล้าน PGK |
1/3/2550 | 1.1 ล้านล้าน PGK |
1/6/2550 | 2.28 ล้านล้าน PGK |
1/9/2550 | 1.49 ล้านล้าน PGK |
1/12/2550 | 1.41 ล้านล้าน PGK |
1/3/2551 | 1.72 ล้านล้าน PGK |
1/6/2551 | 2.07 ล้านล้าน PGK |
1/9/2551 | 1.91 ล้านล้าน PGK |
1/12/2551 | 1.5 ล้านล้าน PGK |
1/3/2552 | 959 ล้าน PGK |
1/6/2552 | 738 ล้าน PGK |
1/9/2552 | 1.22 ล้านล้าน PGK |
1/12/2552 | 1.28 ล้านล้าน PGK |
1/3/2553 | 1.3 ล้านล้าน PGK |
1/6/2553 | 1.59 ล้านล้าน PGK |
1/9/2553 | 1.54 ล้านล้าน PGK |
1/12/2553 | 1.6 ล้านล้าน PGK |
1/3/2554 | 1.79 ล้านล้าน PGK |
1/6/2554 | 1.84 ล้านล้าน PGK |
1/9/2554 | 1.36 ล้านล้าน PGK |
1/12/2554 | 1.36 ล้านล้าน PGK |
1/3/2555 | 353 ล้าน PGK |
1/6/2555 | 1.27 ล้านล้าน PGK |
1/9/2555 | 687 ล้าน PGK |
1/12/2555 | 951 ล้าน PGK |
1/3/2556 | 211 ล้าน PGK |
1/6/2556 | 101 ล้าน PGK |
1/9/2556 | 662 ล้าน PGK |
1/12/2556 | 222 ล้าน PGK |
1/3/2557 | 657 ล้าน PGK |
1/6/2557 | 2.36 ล้านล้าน PGK |
1/9/2557 | 4.51 ล้านล้าน PGK |
1/12/2557 | 5.37 ล้านล้าน PGK |
1/3/2558 | 4.24 ล้านล้าน PGK |
1/6/2558 | 4.04 ล้านล้าน PGK |
1/9/2558 | 3.35 ล้านล้าน PGK |
1/12/2558 | 3.82 ล้านล้าน PGK |
1/3/2559 | 3.4 ล้านล้าน PGK |
1/6/2559 | 3.52 ล้านล้าน PGK |
1/9/2559 | 3.93 ล้านล้าน PGK |
1/12/2559 | 4.61 ล้านล้าน PGK |
1/3/2560 | 4.65 ล้านล้าน PGK |
1/6/2560 | 5.02 ล้านล้าน PGK |
1/9/2560 | 4.87 ล้านล้าน PGK |
1/12/2560 | 5.28 ล้านล้าน PGK |
1/3/2561 | 4.36 ล้านล้าน PGK |
1/6/2561 | 4.64 ล้านล้าน PGK |
1/9/2561 | 4.87 ล้านล้าน PGK |
1/12/2561 | 5.4 ล้านล้าน PGK |
1/3/2562 | 4.76 ล้านล้าน PGK |
1/6/2562 | 6.01 ล้านล้าน PGK |
1/9/2562 | 6.43 ล้านล้าน PGK |
1/12/2562 | 5.91 ล้านล้าน PGK |
1/3/2563 | 4.98 ล้านล้าน PGK |
1/6/2563 | 3.58 ล้านล้าน PGK |
1/9/2563 | 4.33 ล้านล้าน PGK |
1/12/2563 | 5.86 ล้านล้าน PGK |
1/3/2564 | 5.51 ล้านล้าน PGK |
1/6/2564 | 6.46 ล้านล้าน PGK |
1/9/2564 | 5.54 ล้านล้าน PGK |
1/12/2564 | 4.01 ล้านล้าน PGK |
1/3/2565 | 5.52 ล้านล้าน PGK |
1/6/2565 | 7.68 ล้านล้าน PGK |
1/9/2565 | 8.19 ล้านล้าน PGK |
1/12/2565 | 10.4 ล้านล้าน PGK |
1/3/2566 | 9.77 ล้านล้าน PGK |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/3/2566 | 9.769 ล้านล้าน PGK |
1/12/2565 | 10.4 ล้านล้าน PGK |
1/9/2565 | 8.188 ล้านล้าน PGK |
1/6/2565 | 7.679 ล้านล้าน PGK |
1/3/2565 | 5.522 ล้านล้าน PGK |
1/12/2564 | 4.008 ล้านล้าน PGK |
1/9/2564 | 5.544 ล้านล้าน PGK |
1/6/2564 | 6.457 ล้านล้าน PGK |
1/3/2564 | 5.507 ล้านล้าน PGK |
1/12/2563 | 5.861 ล้านล้าน PGK |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇵🇬 กระแสเงินทุน | 3.703 ล้านล้าน PGK | 7.709 ล้านล้าน PGK | ควอร์เตอร์ |
🇵🇬 การผลิตน้ำมันดิบ | 31 BBL/D/1K | 31 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇵🇬 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | -21.1 ล้าน PGK | -726.4 ล้าน PGK | ควอร์เตอร์ |
🇵🇬 ดัชนีการก่อการร้าย | 0 Points | 0 Points | ประจำปี |
🇵🇬 ทองคำสำรอง | 1.33 Tonnes | 1.33 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇵🇬 นำเข้า | 2.48 ล้านล้าน PGK | 2.064 ล้านล้าน PGK | ควอร์เตอร์ |
🇵🇬 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | 3.49 ล้านล้าน PGK | 8.317 ล้านล้าน PGK | ควอร์เตอร์ |
🇵🇬 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | 16.1 % of GDP | 22.1 % of GDP | ประจำปี |
🇵🇬 ส่งออก | 10.429 ล้านล้าน PGK | 11.833 ล้านล้าน PGK | ควอร์เตอร์ |
ในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลัก ปาปัวนิวกินีมีการขาดดุลการค้าที่เกินดุลอย่างต่อเนื่อง ปาปัวนิวกินีส่งออกทองคำ น้ำมัน ทองแดง กาแฟ โกโก้ น้ำมันพืช ปลา และไม้ เป็นหลัก ขณะที่สินค้านำเข้าหลักของประเทศประกอบด้วยเชื้อเพลิง ข้าว ยานพาหนะ เครื่องจักรหนัก เนื้อสัตว์ เหล็กและเหล็กกล้า และยางรถยนต์ คู่ค้าหลักของปาปัวนิวกินีได้แก่ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ออสเตรเลีย
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว