ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร มองโกเลีย เงินเฟ้ออาหาร
ราคา
ค่า เงินเฟ้ออาหาร ใน มองโกเลีย ปัจจุบันเป็น 8.7 % เงินเฟ้ออาหาร ใน มองโกเลีย ลดลงเหลือ 8.7 % เมื่อ 1/4/2567 หลังจากที่มันเป็น 9.8 % เมื่อ 1/3/2567 จาก 1/1/2550 ถึง 1/5/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน มองโกเลีย คือ 11.33 % ระดับสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/5/2551 โดยมีค่าเป็น 55.9 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/8/2552 โดยมีค่าเป็น -7.6 %
เงินเฟ้ออาหาร ·
แม็กซ์
เงินเฟ้อด้านอาหาร | |
---|---|
1/1/2550 | 4.4 % |
1/2/2550 | 7.7 % |
1/3/2550 | 8.9 % |
1/4/2550 | 6.1 % |
1/5/2550 | 6 % |
1/6/2550 | 6.6 % |
1/7/2550 | 7.8 % |
1/8/2550 | 14.5 % |
1/9/2550 | 19.8 % |
1/10/2550 | 21.2 % |
1/11/2550 | 24.6 % |
1/12/2550 | 28.2 % |
1/1/2551 | 31.3 % |
1/2/2551 | 32.1 % |
1/3/2551 | 37.4 % |
1/4/2551 | 48.2 % |
1/5/2551 | 55.9 % |
1/6/2551 | 54.4 % |
1/7/2551 | 50.6 % |
1/8/2551 | 44.3 % |
1/9/2551 | 40.2 % |
1/10/2551 | 35.5 % |
1/11/2551 | 29.2 % |
1/12/2551 | 23.9 % |
1/1/2552 | 21.2 % |
1/2/2552 | 17.2 % |
1/3/2552 | 13.6 % |
1/4/2552 | 6.7 % |
1/12/2552 | 0.4 % |
1/1/2553 | 3.3 % |
1/2/2553 | 7.9 % |
1/3/2553 | 9 % |
1/4/2553 | 9 % |
1/5/2553 | 15.4 % |
1/6/2553 | 14.9 % |
1/7/2553 | 12.2 % |
1/8/2553 | 14.6 % |
1/9/2553 | 14.3 % |
1/10/2553 | 15 % |
1/11/2553 | 14.2 % |
1/12/2553 | 18.6 % |
1/1/2554 | 18.9 % |
1/2/2554 | 12.8 % |
1/3/2554 | 6.7 % |
1/4/2554 | 1.4 % |
1/6/2554 | 2.4 % |
1/7/2554 | 11.2 % |
1/8/2554 | 10.9 % |
1/9/2554 | 12.8 % |
1/10/2554 | 12.7 % |
1/11/2554 | 11.3 % |
1/12/2554 | 8.7 % |
1/1/2555 | 8.2 % |
1/2/2555 | 14.9 % |
1/3/2555 | 24.5 % |
1/4/2555 | 26.5 % |
1/5/2555 | 24.6 % |
1/6/2555 | 25 % |
1/7/2555 | 24.7 % |
1/8/2555 | 24.7 % |
1/9/2555 | 21.8 % |
1/10/2555 | 19.9 % |
1/11/2555 | 18.7 % |
1/12/2555 | 17.5 % |
1/1/2556 | 17.6 % |
1/2/2556 | 13.1 % |
1/3/2556 | 7.8 % |
1/4/2556 | 10 % |
1/5/2556 | 9.8 % |
1/6/2556 | 8.1 % |
1/7/2556 | 6.1 % |
1/8/2556 | 5.5 % |
1/9/2556 | 9.1 % |
1/10/2556 | 11.1 % |
1/11/2556 | 12.9 % |
1/12/2556 | 13.3 % |
1/1/2557 | 10.4 % |
1/2/2557 | 9.1 % |
1/3/2557 | 8.9 % |
1/4/2557 | 8.2 % |
1/5/2557 | 10 % |
1/6/2557 | 11.9 % |
1/7/2557 | 11.4 % |
1/8/2557 | 10.3 % |
1/9/2557 | 9.2 % |
1/10/2557 | 8.9 % |
1/11/2557 | 7.6 % |
1/12/2557 | 6.6 % |
1/1/2558 | 5.6 % |
1/2/2558 | 4.3 % |
1/3/2558 | 4.5 % |
1/4/2558 | 4.3 % |
1/5/2558 | 1.9 % |
1/6/2558 | 0.3 % |
1/7/2558 | 0.2 % |
1/8/2558 | 2.4 % |
1/12/2559 | 1.7 % |
1/1/2560 | 2.7 % |
1/2/2560 | 2.9 % |
1/3/2560 | 3.7 % |
1/4/2560 | 1.9 % |
1/5/2560 | 2.1 % |
1/6/2560 | 0.7 % |
1/7/2560 | 1.7 % |
1/8/2560 | 6 % |
1/9/2560 | 7.5 % |
1/10/2560 | 9 % |
1/11/2560 | 8.7 % |
1/12/2560 | 7.3 % |
1/1/2561 | 5.8 % |
1/2/2561 | 6.1 % |
1/3/2561 | 5.9 % |
1/4/2561 | 6.1 % |
1/5/2561 | 7 % |
1/6/2561 | 10.8 % |
1/7/2561 | 11.2 % |
1/8/2561 | 5.7 % |
1/9/2561 | 4.3 % |
1/10/2561 | 5.3 % |
1/11/2561 | 7.6 % |
1/12/2561 | 9.1 % |
1/1/2562 | 10.8 % |
1/2/2562 | 8.8 % |
1/3/2562 | 8.2 % |
1/4/2562 | 8.3 % |
1/5/2562 | 11.3 % |
1/6/2562 | 10.8 % |
1/7/2562 | 9.5 % |
1/8/2562 | 13.3 % |
1/9/2562 | 15.6 % |
1/10/2562 | 14 % |
1/11/2562 | 9.5 % |
1/12/2562 | 8.3 % |
1/1/2563 | 7.8 % |
1/2/2563 | 10.3 % |
1/3/2563 | 10.5 % |
1/4/2563 | 7.8 % |
1/5/2563 | 4.7 % |
1/6/2563 | 5.3 % |
1/7/2563 | 7.5 % |
1/8/2563 | 4.5 % |
1/9/2563 | 2.4 % |
1/10/2563 | 3.7 % |
1/11/2563 | 7.7 % |
1/12/2563 | 8.5 % |
1/1/2564 | 8.4 % |
1/2/2564 | 8.9 % |
1/3/2564 | 8.1 % |
1/4/2564 | 12.4 % |
1/5/2564 | 13.1 % |
1/6/2564 | 12.9 % |
1/7/2564 | 11.2 % |
1/8/2564 | 13.7 % |
1/9/2564 | 15.4 % |
1/10/2564 | 18.2 % |
1/11/2564 | 18.7 % |
1/12/2564 | 20.4 % |
1/1/2565 | 21.3 % |
1/2/2565 | 18 % |
1/3/2565 | 18 % |
1/4/2565 | 16.8 % |
1/5/2565 | 18 % |
1/6/2565 | 19.5 % |
1/7/2565 | 21.5 % |
1/8/2565 | 18.6 % |
1/9/2565 | 17.1 % |
1/10/2565 | 16.4 % |
1/11/2565 | 16.8 % |
1/12/2565 | 15.4 % |
1/1/2566 | 14 % |
1/2/2566 | 16.2 % |
1/3/2566 | 17.3 % |
1/4/2566 | 17 % |
1/5/2566 | 18.4 % |
1/6/2566 | 18.2 % |
1/7/2566 | 14.4 % |
1/8/2566 | 16.4 % |
1/9/2566 | 17.4 % |
1/10/2566 | 14.7 % |
1/11/2566 | 13.3 % |
1/12/2566 | 12.2 % |
1/1/2567 | 11.7 % |
1/2/2567 | 10.3 % |
1/3/2567 | 9.8 % |
1/4/2567 | 8.7 % |
เงินเฟ้ออาหาร ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/4/2567 | 8.7 % |
1/3/2567 | 9.8 % |
1/2/2567 | 10.3 % |
1/1/2567 | 11.7 % |
1/12/2566 | 12.2 % |
1/11/2566 | 13.3 % |
1/10/2566 | 14.7 % |
1/9/2566 | 17.4 % |
1/8/2566 | 16.4 % |
1/7/2566 | 14.4 % |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ เงินเฟ้ออาหาร
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇲🇳 CPI Transport | 130.3 points | 131.8 points | รายเดือน |
🇲🇳 การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต | 7.8 % | -2.9 % | รายเดือน |
🇲🇳 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) | 145 points | 144 points | รายเดือน |
🇲🇳 ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง | 131.3 points | 131.1 points | รายเดือน |
🇲🇳 ต้นทุนการผลิต | 223.1 points | 214.3 points | รายเดือน |
🇲🇳 อัตราเงินเฟ้อ | 5.8 % | 6.4 % | รายเดือน |
🇲🇳 อัตราเงินเฟ้อ MoM | 0.7 % | 0.8 % | รายเดือน |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร เงินเฟ้ออาหาร
ฟู้ดอินเฟลชัน หรืออัตราเงินเฟ้อในภาคอาหาร เป็นประเด็นที่มีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomics) โดยเฉพาะในเว็บไซต์แบบมืออาชีพอย่าง Eulerpool ซึ่งเรามุ่งเน้นการแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ถูกต้องและทันสมัย ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจและวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ในบทความนี้ เราจะแนะนำและอธิบายถึงฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ฟู้ดอินเฟลชัน หมายถึงการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการในภาคอาหารเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) การขาดแคลนวัตถุดิบ ภัยธรรมชาติ และการปรับตัวของกำลังการผลิต อุปสงค์และอุปทานในตลาด เป็นที่รู้กันดีว่าภาคอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักในการวัดฟู้ดอินเฟลชัน ดังนั้น อัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการในหมวดอาหารจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อระดับราคาสินค้าและบริการทั้งหมดในสังคม หน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ติดตามและรายงานฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยคือตารางดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์ โดยอีกส่วนหนึ่งของข้อมูลนั้นยังมาจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (National Statistical Office) ซึ่งเน้นการรวบรวมข้อมูลและทำการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ การวัดอัตราเงินเฟ้อในภาคอาหารจะใช้สถิติจากหลายหมวดหมู่ ยกตัวอย่างเช่น ราคาข้าวและเมล็ดพืช ราคาผักและผลไม้ และราคาผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เป็นต้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ภัยธรรมชาติที่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง ปัญหาการขนส่งสินค้า การเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบที่นำเข้า และการปรับตัวของระบบซับพลายเชน (Supply Chain) ในภาคอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ปีที่ผ่านมา ราคาข้าวที่เป็นสินค้าที่มีความสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทย ได้เพิ่มขึ้นกว่า 10% เนื่องจากปัญหาการเก็บเกี่ยวที่ไม่สมบูรณ์และการลดลงของพื้นที่เพาะปลูก ขณะเดียวกัน ราคาผักและผลไม้ก็เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7-8% เนื่องจากภาวะภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ปัญหาฟู้ดอินเฟลชันมีผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต ฝ่ายผู้บริโภคมักจะพบกับการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าในภาคอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องปรับการใช้ชีวิตและการตัดสินใจในการจับจ่ายใช้สอย ขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้ผลิตก็ต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งอาจะทำให้พวกเขาต้องหาวิธีการลดต้นทุนหรือปรับตัวในการผลิตเพื่อความอยู่รอด ความสำคัญของการติดตามและวิเคราะห์อัตราเงินเฟ้อในภาคอาหารจึงไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ในการติดตามฟู้ดอินเฟลชัน หน่วยงานต่างๆ และภาคธุรกิจมักใช้เครื่องมือและดัชนีต่างๆ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดทั่วไปที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในดัชนีนี้ มีการแบ่งแยกข้อมูลเป็นหมวดหมู่อย่างละเอียด เช่น อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ยารักษาโรค เสื้อผ้า และเครื่องพักอาศัย ซึ่งหมวดอาหารก็จะมีการรายงานแยกย่อยเพิ่มเติม เพื่อให้เห็นความแปรปรวนของราคาที่ชัดเจนขึ้น การเข้าใจฟู้ดอินเฟลชันยังเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายการเงินและการคลังของประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับเงินเฟ้อ โดยการปรับนโยบายดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การทราบข้อมูลเกี่ยวกับฟู้ดอินเฟลชันจึงเป็นส่วนสำคัญในการทำให้การดำเนินนโยบายมีประสิทธิภาพ สุดท้ายนี้ ความรู้เกี่ยวกับฟู้ดอินเฟลชันยังเป็นประโยชน์ต่อบุคคลทั่วไปโดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน การทราบถึงสาเหตุและผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อในภาคอาหารสามารถช่วยให้คุณสามารถรับมือและวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยเป็นหัวข้อที่ต้องการความสนใจและการวิเคราะห์อย่างละเอียด ด้วยความสำคัญที่มีผลกระทบต่อทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน การเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟู้ดอินเฟลชันจะช่วยให้คุณสามารถประเมินสถานการณ์และเตรียมตัวในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ดีขึ้น ทาง Eulerpool เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เป็นที่น้ำหนึงใจเดียวกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ