ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร สหราชอาณาจักร ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน สหราชอาณาจักร คือ 4.154 ล้านล้าน GBP ดุลการค้าใน สหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้นเป็น 4.154 ล้านล้าน GBP เมื่อ 1/10/2565 หลังจากที่เป็น 1.394 ล้านล้าน GBP เมื่อ 1/10/2564 จาก 1/3/2498 ถึง 1/4/2567 GDP เฉลี่ยใน สหราชอาณาจักร คือ -1.27 ล้านล้าน GBP มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/5/2563 โดยมีมูลค่า 9.56 ล้านล้าน GBP ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/1/2565 โดยมีมูลค่า -12.74 ล้านล้าน GBP
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/6/2499 | 35 ล้าน GBP |
1/9/2499 | 10 ล้าน GBP |
1/12/2499 | 31 ล้าน GBP |
1/3/2500 | 5 ล้าน GBP |
1/6/2500 | 14 ล้าน GBP |
1/9/2500 | 17 ล้าน GBP |
1/12/2500 | 56 ล้าน GBP |
1/3/2501 | 74 ล้าน GBP |
1/6/2501 | 27 ล้าน GBP |
1/9/2501 | 34 ล้าน GBP |
1/12/2501 | 18 ล้าน GBP |
1/3/2502 | 10 ล้าน GBP |
1/6/2502 | 8 ล้าน GBP |
1/9/2502 | 10 ล้าน GBP |
1/9/2504 | 7 ล้าน GBP |
1/3/2506 | 11 ล้าน GBP |
1/12/2509 | 135 ล้าน GBP |
1/6/2512 | 35 ล้าน GBP |
1/9/2512 | 141 ล้าน GBP |
1/12/2512 | 70 ล้าน GBP |
1/3/2513 | 220 ล้าน GBP |
1/6/2513 | 48 ล้าน GBP |
1/9/2513 | 23 ล้าน GBP |
1/12/2513 | 146 ล้าน GBP |
1/3/2514 | 104 ล้าน GBP |
1/6/2514 | 183 ล้าน GBP |
1/9/2514 | 304 ล้าน GBP |
1/12/2514 | 231 ล้าน GBP |
1/3/2515 | 78 ล้าน GBP |
1/6/2515 | 91 ล้าน GBP |
1/3/2519 | 146 ล้าน GBP |
1/6/2520 | 39 ล้าน GBP |
1/9/2520 | 777 ล้าน GBP |
1/12/2520 | 706 ล้าน GBP |
1/3/2521 | 448 ล้าน GBP |
1/6/2521 | 809 ล้าน GBP |
1/9/2521 | 597 ล้าน GBP |
1/12/2521 | 827 ล้าน GBP |
1/6/2522 | 543 ล้าน GBP |
1/9/2522 | 631 ล้าน GBP |
1/12/2522 | 479 ล้าน GBP |
1/3/2523 | 654 ล้าน GBP |
1/6/2523 | 790 ล้าน GBP |
1/9/2523 | 1.97 ล้านล้าน GBP |
1/12/2523 | 2.33 ล้านล้าน GBP |
1/3/2524 | 2.95 ล้านล้าน GBP |
1/6/2524 | 2.34 ล้านล้าน GBP |
1/9/2524 | 1.18 ล้านล้าน GBP |
1/12/2524 | 1.55 ล้านล้าน GBP |
1/3/2525 | 1.52 ล้านล้าน GBP |
1/6/2525 | 1.09 ล้านล้าน GBP |
1/9/2525 | 1.49 ล้านล้าน GBP |
1/12/2525 | 2.04 ล้านล้าน GBP |
1/3/2526 | 1.15 ล้านล้าน GBP |
1/6/2526 | 649 ล้าน GBP |
1/9/2526 | 1.19 ล้านล้าน GBP |
1/12/2526 | 801 ล้าน GBP |
1/3/2527 | 1.02 ล้านล้าน GBP |
1/9/2527 | 9 ล้าน GBP |
1/6/2528 | 1.97 ล้านล้าน GBP |
1/9/2528 | 1.72 ล้านล้าน GBP |
1/12/2528 | 1.53 ล้านล้าน GBP |
1/3/2529 | 675 ล้าน GBP |
1/3/2530 | 443 ล้าน GBP |
1/1/2537 | 31 ล้าน GBP |
1/8/2537 | 225 ล้าน GBP |
1/10/2537 | 73 ล้าน GBP |
1/11/2537 | 15 ล้าน GBP |
1/1/2538 | 590 ล้าน GBP |
1/2/2538 | 704 ล้าน GBP |
1/3/2538 | 787 ล้าน GBP |
1/11/2538 | 503 ล้าน GBP |
1/12/2538 | 205 ล้าน GBP |
1/5/2539 | 147 ล้าน GBP |
1/6/2539 | 72 ล้าน GBP |
1/7/2539 | 159 ล้าน GBP |
1/8/2539 | 379 ล้าน GBP |
1/9/2539 | 41 ล้าน GBP |
1/10/2539 | 633 ล้าน GBP |
1/11/2539 | 392 ล้าน GBP |
1/12/2539 | 204 ล้าน GBP |
1/1/2540 | 1.27 ล้านล้าน GBP |
1/2/2540 | 1 ล้านล้าน GBP |
1/3/2540 | 45 ล้าน GBP |
1/4/2540 | 344 ล้าน GBP |
1/5/2540 | 216 ล้าน GBP |
1/8/2540 | 794 ล้าน GBP |
1/9/2540 | 796 ล้าน GBP |
1/10/2540 | 404 ล้าน GBP |
1/11/2540 | 168 ล้าน GBP |
1/12/2540 | 543 ล้าน GBP |
1/1/2541 | 621 ล้าน GBP |
1/2/2553 | 25 ล้าน GBP |
1/2/2554 | 1.58 ล้านล้าน GBP |
1/4/2554 | 214 ล้าน GBP |
1/2/2555 | 530 ล้าน GBP |
1/7/2562 | 286 ล้าน GBP |
1/11/2562 | 4.67 ล้านล้าน GBP |
1/12/2562 | 7.65 ล้านล้าน GBP |
1/1/2563 | 3.12 ล้านล้าน GBP |
1/3/2563 | 1.86 ล้านล้าน GBP |
1/4/2563 | 8.91 ล้านล้าน GBP |
1/5/2563 | 9.56 ล้านล้าน GBP |
1/6/2563 | 4.3 ล้านล้าน GBP |
1/7/2563 | 1.36 ล้านล้าน GBP |
1/8/2563 | 1.73 ล้านล้าน GBP |
1/3/2564 | 2.86 ล้านล้าน GBP |
1/4/2564 | 3.16 ล้านล้าน GBP |
1/5/2564 | 4.27 ล้านล้าน GBP |
1/6/2564 | 744 ล้าน GBP |
1/10/2564 | 1.39 ล้านล้าน GBP |
1/10/2565 | 4.15 ล้านล้าน GBP |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/10/2565 | 4.154 ล้านล้าน GBP |
1/10/2564 | 1.394 ล้านล้าน GBP |
1/6/2564 | 744 ล้าน GBP |
1/5/2564 | 4.266 ล้านล้าน GBP |
1/4/2564 | 3.159 ล้านล้าน GBP |
1/3/2564 | 2.863 ล้านล้าน GBP |
1/8/2563 | 1.731 ล้านล้าน GBP |
1/7/2563 | 1.359 ล้านล้าน GBP |
1/6/2563 | 4.298 ล้านล้าน GBP |
1/5/2563 | 9.557 ล้านล้าน GBP |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇬🇧 กระแสเงินทุน | -1.195 ล้านล้าน GBP | 7.277 ล้านล้าน GBP | ควอร์เตอร์ |
🇬🇧 การขายอาวุธ | 1.204 ล้านล้าน SIPRI TIV | 1.665 ล้านล้าน SIPRI TIV | ประจำปี |
🇬🇧 การผลิตน้ำมันดิบ | 522 BBL/D/1K | 652 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇬🇧 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | -11.802 ล้านล้าน GBP | -9.256 ล้านล้าน GBP | ควอร์เตอร์ |
🇬🇧 การส่งออกรถยนต์ | 51,425 Units | 34,850 Units | รายเดือน |
🇬🇧 ดัชนีการก่อการร้าย | 2.373 Points | 3.84 Points | ประจำปี |
🇬🇧 ทองคำสำรอง | 310.29 Tonnes | 310.29 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇬🇧 นำเข้า | 77.118 ล้านล้าน GBP | 78.33 ล้านล้าน GBP | รายเดือน |
🇬🇧 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | -28.397 ล้านล้าน GBP | -13.76 ล้านล้าน GBP | ควอร์เตอร์ |
🇬🇧 ยอดดุลการค้าสินค้า | -15.06 ล้านล้าน GBP | -18.871 ล้านล้าน GBP | รายเดือน |
🇬🇧 ยอดดุลการค้าสินค้านอกสหภาพยุโรป | -6.86 ล้านล้าน GBP | -6.97 ล้านล้าน GBP | รายเดือน |
🇬🇧 ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า | 10.778 ล้าน | 8.731 ล้าน | รายเดือน |
🇬🇧 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | -3.3 % of GDP | -3.1 % of GDP | ประจำปี |
🇬🇧 รายได้จากการท่องเที่ยว | 7.902 ล้านล้าน GBP | 5.53 ล้านล้าน GBP | รายเดือน |
🇬🇧 ส่งออก | 70.122 ล้านล้าน GBP | 70.614 ล้านล้าน GBP | รายเดือน |
🇬🇧 หนี้สินต่างประเทศ | 7.742 ชีวภาพ. GBP | 7.775 ชีวภาพ. GBP | ควอร์เตอร์ |
ตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา ดุลการค้าของสหราชอาณาจักรอยู่ในภาวะขาดดุลเนื่องจากการขาดดุลการค้าในสินค้าที่ถูกชดเชยบางส่วนด้วยส่วนเกินการค้าในบริการ ส่วนแบ่งการค้าสินค้าทั้งหมดของสหราชอาณาจักรเทียบกับการค้าสินค้าและบริการทั้งหมดมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1986 หลังจากที่พีคถึง 75 เปอร์เซ็นต์ในปี 1985 ซึ่งสอดคล้องกับส่วนแบ่งการค้าบริการของสหราชอาณาจักรที่เพิ่มขึ้น (ประมาณ 38 เปอร์เซ็นต์ในปี 2021) สหราชอาณาจักรมีดุลการค้าขาดดุลกับจีน นอร์เวย์ เยอรมนี สเปน โปแลนด์ รัสเซีย อิตาลี และอินเดีย และมีส่วนเกินกับสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ สิงค์โปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว