ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
fair value · 20 million securities worldwide · 50 year history · 10 year estimates · leading business news

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇯🇴

จอร์แดน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร

ราคา

8.72 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
-0.06 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-0.69 %

ค่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารใน จอร์แดน ณ ปัจจุบันคือ 8.72 % อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารใน จอร์แดน ลดลงมาอยู่ที่ 8.72 % ในวันที่ 1/2/2567 หลังจากที่เป็น 8.78 % ในวันที่ 1/1/2567 จาก 1/2/2543 ถึง 1/3/2567 GDP เฉลี่ยใน จอร์แดน อยู่ที่ 8.06 % จุดสูงสุดตลอดกาลถูกบันทึกเมื่อวันที่ 1/2/2543 ด้วยค่า 10.5 % ขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อวันที่ 1/1/2547 ด้วยค่า 6 %

แหล่งที่มา: Central Bank of Jordan

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร

  • แม็กซ์

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/2/25678.72 %
1/1/25678.78 %
1/12/25668.82 %
1/11/25668.99 %
1/10/25669 %
1/9/25668.99 %
1/8/25669.21 %
1/7/25669.08 %
1/6/25669.16 %
1/5/25669.08 %
1
2
3
4
5
...
29

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่

ในจอร์แดน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารหมายถึงอัตราดอกเบี้ยขั้นพื้นฐานขั้นต่ำสำหรับเครดิตที่มอบให้โดยธนาคารที่ได้รับใบอนุญาต

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย

คืออะไร อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญในทางเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จัดเป็นเครื่องมือหลักที่ธนาคารกลางใช้งานในการควบคุมทางการเงินและเศรษฐกิจในภาพรวม ความสำคัญของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารสามารถสะท้อนถึงสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ การมีเพิ่มหรือลดของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สามารถส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจและครัวเรือน ในประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือที่รู้จักกันเรียกกันสั้นๆว่า ธปท. (Bank of Thailand) เป็นหน่วยงานหลักในกำกับดูแลและตั้งกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เป้าหมายหลักของการกำกับดูแลอัตราดอกเบี้ยนี้ คือการรักษาเสถียรภาพของภาวะเงินเฟ้อ และส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของนโยบายทางการเงินที่มีความยืดหยุ่น โดยใช้เป็นเครื่องมือในการปรับความใหญ่เล็กของปริมาณเงินที่อยู่ในระบบการเงิน การปรับเพิ่มหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นมีผลกระทบในหลายด้าน ถ้าธนาคารกลางตัดสินใจที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การกู้เงินจะสามารถทำได้ยากขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายสูงขึ้น นี้อาจส่งผลให้การใช้จ่ายทีจะเป็นการลงทุนของภาคธุรกิจลดน้อยลงและทำให้การใช้จ่ายของประชาชนในชีวิตประจำวันลดลงเช่นกัน ตรงกันข้ามหากธนาคารกลางตัดสินใจที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การกู้เงินจะง่ายขึ้นเพราะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง นี้จะสนับสนุนการลงทุนของภาคธุรกิจและเพิ่มการใช้จ่ายของครัวเรือน ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะยาว ยิ่งกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นยังมักจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น ตลาดเงิน และตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เช่น หากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น อาจทำให้นักลงทุนย้ายเงินลงทุนจากตลาดหุ้นมาตลาดเงินเพราะจะได้รับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น จึงทำให้ราคาหุ้นลดลง และหากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงก็อาจทำให้ตลาดหุ้นน่าสนใจมากขึ้นเพราะอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าใช้กันสูงขึ้น ด้านครัวเรือน การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อลูกหนี้ เช่น การจำนองที่อยู่อาศัย หากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งอาจทำให้ครัวเรือนบางครัวเรือนประสบปัญหาทางการเงิน การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะมีผลต่อการลดภาระดอกเบี้ย ทำให้รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นและมีเงินเหลือเพื่อใช้ในทางอื่น เป็นที่เห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นมีความสำคัญอย่างมากในสภาพเศรษฐกิจมหภาค แต่ต้องระมัดระวังในการใช้นโยบายนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่เร็วหรือรุนแรงเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจไม่สมดุลและเกิดความผันผวน ดังนั้นการเข้าใจและติดตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ รวมถึงภาคธุรกิจและครัวเรือน ที่ eulerpool เราให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ค่านิยมในตลาด รวมถึงการพยากรณ์ทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อให้ผู้ใช้งานของเราได้รับข้อมูลที่แม่นยำและเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจการลงทุนและวางแผนทางการเงิน เพื่อสรุปให้เข้าใจง่ายขึ้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารไม่เพียงแต่เป็นตัวะี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีอิทธิพลในการควบคุมและรักษาเสถียรภาพทางการเงิน การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สามารถมีผลกระทบในนามต่างๆ ไม่ว่าเป็นต่อภาคธุรกิจ ครัวเรือน หรือตลาดการเงิน การติดตามข้อมูลและเข้าใจพลวัตทางเศรษฐกิจนี้อย่างใกล้ชิดจะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ