กูเกิลทบทวนแผนการยกเลิกคุกกี้ใน Chrome

การอภิปรายที่ยาวนานเกี่ยวกับการยกเลิกการใช้คุกกี้ดูเหมือนจะจบลงชั่วคราว: Google ได้ประกาศอย่างน่าประหลาดใจว่าบริษัทจะละทิ้งแผนการที่จะถอดคุกกี้ออกจากเบราว์เซอร์ Chrome การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากสี่ปีของความพยายามอย่างเข้มข้นจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้โดยการค่อย ๆ ยกเลิกเทคโนโลยีการติดตามที่รุกราน แทนการยกเลิก Google จะดำเนินตามกลยุทธ์ความเป็นส่วนตัวใหม่ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดหรือปิดใช้งานคุกกี้ได้ตามต้องการ แผนใหม่นี้ใช้แทนแนวทางเดิมของบริษัท ซึ่งตั้งใจจะกำจัดการติดตามข้ามคุกกี้ทั้งหมดภายในสองปี ซึ่งคล้ายกับที่ Apple ใช้กับเบราว์เซอร์ Safari คุกกี้เป็นไฟล์ข้อความขนาดเล็กที่ถูกวางไว้ในเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักของอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์ในการติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้ข้ามแพลตฟอร์มและแสดงโฆษณาที่ตรงตามความสนใจ แผนการยกเลิกนี้เผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากเริ่มแรกจากอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิตอล รวมถึงเทคโนโลยีโฆษณาและสำนักพิมพ์ นักวิจารณ์กล่าวว่า แผนการนี้จะทำลายโมเดลธุรกิจของพวกเขาและยิ่งเสริมความได้เปรียบของ Google ในการเก็บข้อมูล ซึ่งพวกเขาจะถูกบีบให้จ่ายเงินมากขึ้นสำหรับบริการโฆษณา โครงการนี้ถูกเลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วและในปี 2021 หน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักรได้เปิดการสอบสวนว่าแผนของ Google นั้นเป็นการผูกขาดหรือไม่ แม้ว่าจะมีการตกลงกับหน่วยงานการแข่งขันของสหราชอาณาจักร แต่การพยายามแทนที่คุกกี้ครั้งแรกซึ่งรู้จักกันในชื่อ “Floc” ถูกทิ้งเนื่องจากมีความเป็นส่วนตัวไม่เพียงพอ ในปีถัดมามีกำหนดการถูกเลื่อนออกไปอีก เพื่อให้ผู้โฆษณามีเวลาในการปรับตัวมากขึ้น Google ยืนยันต่อไปว่าการเปลี่ยนผ่านจะเกิดขึ้นและเริ่มต้นการถอดคุกกี้บางส่วนในต้นปี 2023 อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลที่เกิดจากสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลของสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับเทคโนโลยีทดแทนที่เสนอ ถือว่าเป็น "มีข้อบกพร่องลึกซึ้ง" และนำไปสู่การยกเลิกโครงการในที่สุด Anthony Chavez ผู้จัดการโปรเจ็กต์ “Privacy Sandbox” ของ Google เน้นถึงความสำคัญของการเลือกของผู้ใช้งานและความจำเป็นในการรวมทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน Stephen Bonner จากหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของสหราชอาณาจักรแสดงความผิดหวังกับแผนที่เปลี่ยนแปลงและเรียกร้องให้อุตสาหกรรมโฆษณาคิดเลือกทางเลือกที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น หน่วยงานการแข่งขันของสหราชอาณาจักรกล่าวว่าจะตรวจสอบผลกระทบของการประกาศและยินดีที่จะรับความคิดเห็นจนถึงวันที่ 12 สิงหาคม