ในสหรัฐอเมริกา การขายบ้านมือสองเกิดขึ้นเมื่อการปิดการจำนองเสร็จสมบูรณ์ โดยการปิดการจำนองมักจะเกิดขึ้นภายใน 30-60 วันหลังจากการปิดสัญญาการขาย

คืออะไร ยอดขายบ้านที่มีอยู่รายเดือน (MoM)

ยอดขายบ้านที่มีอยู่เดือนต่อเดือน (Existing Home Sales MoM) เป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดที่สำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลสะท้อนถึงสุขภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดัชนีนี้จะวัดปริมาณของบ้านที่มีอยู่ที่ถูกขายออกไปในช่วงระยะเวลาเดือนต่อเดือน ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะถูกติดตามและรายงานโดยสำนักงานสมาคมนายหน้าที่อยู่อาศัยแห่งชาติ (NAR) และถือเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับนักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ การเปลี่ยนแปลงของยอดขายบ้านที่มีอยู่สามารถเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสภาพอุปสงค์และอุปทานในตลาดที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย กำลังซื้อของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงกฏหมายและนโยบายภาครัฐ ตลอดจนถึงสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของประชาชน สำหรับนักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ การติดตามยอดขายบ้านที่มีอยู่เดือนต่อเดือนสามารถให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น หากยอดขายบ้านที่มีอยู่เพิ่มขึ้น อาจหมายถึงผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในสภาวะเศรษฐกิจมากขึ้นและมีความสามารถในการบริโภคเงินทุนในสินทรัพย์ที่มีความเป็นมูลค่าสูงอย่างบ้าน แต่หากยอดขายลดลง อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มซบเซาหรือมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหรือราคาบ้านที่สูงขึ้นจนทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถจ่ายได้ นอกจากนี้ การเปรียบเทียบยอดขายบ้านที่มีอยู่ในช่วงเวลาต่างๆ เช่น การเปรียบเทียบระหว่างยอดขายในเดือนปัจจุบันกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว สามารถช่วยวัดความแข็งแกร่งและความยั่งยืนของตลาดที่อยู่อาศัยได้ นี่ยังช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถทำการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพตลาดได้อย่างทันท่วงที สำหรับผู้ที่สนใจในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ การวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายบ้านที่มีอยู่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ข้อมูลนี้สามารถใช้ในการประเมินผลตอบแทนจากการลงทุน ความเสี่ยง และโอกาสในการลงทุนในตลาดต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถช่วยในการวางแผนการลงทุนระยะยาวและการเลือกทำเลที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินของตน ในทางเดียวกัน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่น บริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัย นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ก็สามารถใช้ข้อมูลยอดขายบ้านที่มีอยู่นี้ในการวางแผนธุรกิจ การตลาด และการกำหนดราคาขาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้บริโภคทั่วไป การติดตามข้อมูลยอดขายบ้านที่มีอยู่สามารถช่วยในการตัดสินใจซื้อต่างๆ หากผู้บริโภครู้ว่ายอดขายบ้านเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขายเพราะมีโอกาสขายได้ราคาสูงขึ้น หรือหากยอดขายลดลง อาจจะเป็นโอกาสในการซื้อบ้านในราคาที่ดีขึ้น เนื่องจากผู้ขายอาจมีความยืดหยุ่นทางราคา ในอีกด้านหนึ่ง, รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ข้อมูลยอดขายบ้านที่มีอยู่เพื่อการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจและการปล่อยกู้ การเข้าใจแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์สามารถช่วยในการบริหารจัดการอุปภาคที่อยู่อาศัย การสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการเป็นเจ้าของบ้าน และเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเงินภายในประเทศ ที่สำคัญที่สุดคือการติดตามสำรวจและวิเคราะห์ยอดขายบ้านที่มีอยู่เดือนต่อเดือนยังเป็นการให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถช่วยในการทำความเข้าใจและปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม การเพิ่มความโปร่งใสในการเข้าถึงข้อมูลนี้จะช่วยให้ทุกภาคส่วน รวมถึงนักลงทุนนักวิจัย นักเศรษฐศาสตร์ และรัฐบาลสามารถทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุน ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนและมั่นคงมากขึ้น ในสรุป, ยอดขายบ้านที่มีอยู่เดือนต่อเดือนเป็นดัชนีชี้วัดที่มีความสำคัญและสามารถให้ข้อมูลที่มีคุณค่าสูงในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ การวางแผนการลงทุน การกำหนดนโยบาย หรือแม้กระทั่งการตัดสินใจซื้อต่างๆ ข้อมูลนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับทุกคนที่มีส่วนร่วมในตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจของประเทศ