ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇱🇹

ลิทัวเนีย ดุลการค้า

ราคา

58.8 ล้าน EUR
การเปลี่ยนแปลง +/-
-67.3 ล้าน EUR
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-72.80 %

มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ลิทัวเนีย คือ 58.8 ล้าน EUR ดุลการค้าใน ลิทัวเนีย ลดลงไปที่ 58.8 ล้าน EUR ในวันที่ 1/1/2564 หลังจากที่เป็น 126.1 ล้าน EUR ในวันที่ 1/12/2563 ตั้งแต่ 1/1/2537 ถึง 1/6/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน ลิทัวเนีย คือ -216.57 ล้าน EUR จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 1/6/2567 ด้วยค่า 409.9 ล้าน EUR ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/12/2565 ด้วยค่า -948.9 ล้าน EUR

แหล่งที่มา: Statistics Lithuania

ดุลการค้า

  • แม็กซ์

ยอดการค้า

ดุลการค้า ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/1/256458.8 ล้าน EUR
1/12/2563126.1 ล้าน EUR
1/10/256330.8 ล้าน EUR
1/9/2563104.5 ล้าน EUR
1/8/256377.2 ล้าน EUR
1/6/255618.5 ล้าน EUR
1/3/255613.3 ล้าน EUR
1/9/25372.6 ล้าน EUR
1/8/253769.2 ล้าน EUR
1/7/253742.3 ล้าน EUR
1
2

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇱🇹
กระแสเงินทุน
361.1 ล้าน EUR318.79 ล้าน EURรายเดือน
🇱🇹
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ
-67.44 ล้าน EUR743.08 ล้าน EURควอร์เตอร์
🇱🇹
การโอนเงิน
192.14 ล้าน EUR222.05 ล้าน EURควอร์เตอร์
🇱🇹
ดัชนีการก่อการร้าย
0.059 Points0.508 Pointsประจำปี
🇱🇹
ทองคำสำรอง
5.82 Tonnes5.82 Tonnesควอร์เตอร์
🇱🇹
นำเข้า
3.361 ล้านล้าน EUR3.516 ล้านล้าน EURรายเดือน
🇱🇹
นำเข้าก๊าซธรรมชาติ
12,035 Terajoule9,707 Terajouleรายเดือน
🇱🇹
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด
282.1 ล้าน EUR-30.7 ล้าน EURรายเดือน
🇱🇹
ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า
296,600 507,800 ควอร์เตอร์
🇱🇹
ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
1.9 % of GDP-5.5 % of GDPประจำปี
🇱🇹
รายได้จากการท่องเที่ยว
197.7 ล้าน EUR389.2 ล้าน EURควอร์เตอร์
🇱🇹
ส่งออก
3.212 ล้านล้าน EUR3.092 ล้านล้าน EURรายเดือน
🇱🇹
หนี้สาธารณะต่างประเทศต่อจีดีพี
71 % of GDP68 % of GDPควอร์เตอร์
🇱🇹
หนี้สินต่างประเทศ
49.233 ล้านล้าน EUR47.498 ล้านล้าน EURควอร์เตอร์

ลิทัวเนียส่งออกสินค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มแร่ธาตุ, เครื่องจักรและอุปกรณ์กลไก, อุปกรณ์ไฟฟ้า, เคมีภัณฑ์ และอาหาร; และนำเข้าสินค้าแร่ธาตุ, เครื่องจักรและอุปกรณ์กลไก, อุปกรณ์ไฟฟ้า ในปี 2016 การขาดดุลการค้าที่ใหญ่ที่สุดถูกบันทึกกับเยอรมนี, โปแลนด์, รัสเซีย และสวีเดน ขณะที่การเกินดุลการค้าที่ใหญ่ที่สุดถูกบันทึกกับสหรัฐอเมริกา, เอสโตเนีย, สหราชอาณาจักร และลัตเวีย

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร ดุลการค้า

ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว