ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇸🇬

สิงคโปร์ ดุลการค้า

ราคา

4.517 ล้านล้าน SGD
การเปลี่ยนแปลง +/-
-168.645 ล้าน SGD
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-3.67 %

มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน สิงคโปร์ คือ 4.517 ล้านล้าน SGD ดุลการค้าใน สิงคโปร์ ลดลงไปที่ 4.517 ล้านล้าน SGD ในวันที่ 1/4/2567 หลังจากที่เป็น 4.686 ล้านล้าน SGD ในวันที่ 1/3/2567 ตั้งแต่ 1/1/2507 ถึง 1/5/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน สิงคโปร์ คือ 1.25 ล้านล้าน SGD จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 1/3/2558 ด้วยค่า 7.97 ล้านล้าน SGD ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/10/2536 ด้วยค่า -2 ล้านล้าน SGD

แหล่งที่มา: Statistics Singapore

ดุลการค้า

  • แม็กซ์

ยอดการค้า

ดุลการค้า ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/4/25674.517 ล้านล้าน SGD
1/3/25674.686 ล้านล้าน SGD
1/2/25675.96 ล้านล้าน SGD
1/1/25677.434 ล้านล้าน SGD
1/12/25667.068 ล้านล้าน SGD
1/11/25665.946 ล้านล้าน SGD
1/10/25666.313 ล้านล้าน SGD
1/9/25665.308 ล้านล้าน SGD
1/8/25663.868 ล้านล้าน SGD
1/7/25666.473 ล้านล้าน SGD
1
2
3
4
5
...
32

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇸🇬
กระแสเงินทุน
27.119 ล้านล้าน SGD10.527 ล้านล้าน SGDควอร์เตอร์
🇸🇬
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ
53.935 ล้านล้าน SGD75.741 ล้านล้าน SGDควอร์เตอร์
🇸🇬
การส่งออกที่ไม่ใช่การส่งออกน้ำมัน
-0.1 %7.6 %รายเดือน
🇸🇬
การส่งออกภายในประเทศที่ไม่ใช่น้ำมัน (NODX) (%YoY)
-0.1 %-9.3 %รายเดือน
🇸🇬
เงื่อนไขการซื้อขาย
100.512 points101.89 pointsรายเดือน
🇸🇬
ดัชนีการก่อการร้าย
0 Points0 Pointsประจำปี
🇸🇬
ทองคำสำรอง
228.86 Tonnes236.6 Tonnesควอร์เตอร์
🇸🇬
นำเข้า
50.213 ล้านล้าน SGD51.874 ล้านล้าน SGDรายเดือน
🇸🇬
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด
34.572 ล้านล้าน SGD37.68 ล้านล้าน SGDควอร์เตอร์
🇸🇬
ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า
1.27 ล้าน 1.54 ล้าน รายเดือน
🇸🇬
ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
19.8 % of GDP18 % of GDPประจำปี
🇸🇬
ส่งออก
56.442 ล้านล้าน SGD57.768 ล้านล้าน SGDรายเดือน
🇸🇬
หนี้สินต่างประเทศ
2.726 ชีวภาพ. SGD2.706 ชีวภาพ. SGDควอร์เตอร์

เศรษฐกิจของสิงคโปร์พึ่งพาการซื้อสินค้าขั้นกลางและการส่งออกสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง ส่งออกหลักได้แก่: เครื่องจักรและอุปกรณ์ (43 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกทั้งหมด); น้ำมันปิโตรเลียม (19 เปอร์เซ็นต์) และสารเคมี (13 เปอร์เซ็นต์) การนำเข้าหลักได้แก่: เครื่องจักรและอุปกรณ์ (39 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้าทั้งหมด); น้ำมันปิโตรเลียม (33 เปอร์เซ็นต์); สินค้าเคมี (7 เปอร์เซ็นต์) และบทความที่ผลิตทั่วไป (7 เปอร์เซ็นต์) ในปี 2017 การขาดดุลการค้าที่ใหญ่ที่สุดถูกบันทึกกับประเทศจีน ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ไม่มีการบันทึกการเกินดุลกับประเทศใด ๆ

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย

คืออะไร ดุลการค้า

ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว