ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
fair value · 20 million securities worldwide · 50 year history · 10 year estimates · leading business news

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇬🇧

สหราชอาณาจักร หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ราคา

95.6 % of GDP
การเปลี่ยนแปลง +/-
-1 % of GDP
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-1.04 %

หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปัจจุบันใน สหราชอาณาจักร มีมูลค่า 95.6 % of GDP หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน สหราชอาณาจักร ลดลงเป็น 95.6 % of GDP เมื่อ 1/1/2565 หลังจากที่เคยเป็น 96.6 % of GDP เมื่อ 1/1/2564 จาก 1/1/2491 ถึง 1/1/2566 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เฉลี่ยใน สหราชอาณาจักร อยู่ที่ 70.36 % of GDP ค่าสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/1/2491 ด้วยมูลค่า 210.7 % of GDP ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อ 1/1/2533 ด้วยมูลค่า 21.6 % of GDP

แหล่งที่มา: Office for Budget Responsibility, UK

หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

  • แม็กซ์

หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ

หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/1/256595.6 % of GDP
1/1/256496.6 % of GDP
1/1/256396.5 % of GDP
1/1/256285.2 % of GDP
1/1/256180.3 % of GDP
1/1/256082.3 % of GDP
1/1/255983.5 % of GDP
1/1/255881.3 % of GDP
1/1/255781.6 % of GDP
1/1/255679.2 % of GDP
1
2
3
4
5
...
8

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇬🇧
การกู้ยืมสุทธิของภาครัฐ
-14.1 ล้านล้าน GBP-17.52 ล้านล้าน GBPรายเดือน
🇬🇧
การชำระดอกเบี้ยค่าหนี้สินของรัฐบาล
8.03 ล้านล้าน GBP9.221 ล้านล้าน GBPรายเดือน
🇬🇧
การใช้จ่ายทางทหาร
74.943 ล้านล้าน USD64.082 ล้านล้าน USDประจำปี
🇬🇧
ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลต่อ GDP
44.5 % of GDP45.3 % of GDPประจำปี
🇬🇧
คำขอลี้ภัย
17,101 persons26,366 personsควอร์เตอร์
🇬🇧
งบประมาณของรัฐ
-4.4 % of GDP-5 % of GDPประจำปี
🇬🇧
ดัชนีการทุจริต
71 Points73 Pointsประจำปี
🇬🇧
มูลค่าของงบประมาณรัฐบาล
-15.024 ล้านล้าน GBP-18.444 ล้านล้าน GBPรายเดือน
🇬🇧
รัฐบาลใช้จ่าย
102.712 ล้านล้าน GBP101.052 ล้านล้าน GBPรายเดือน
🇬🇧
รัฐบาลใช้จ่าย
117.324 ล้านล้าน GBP117.343 ล้านล้าน GBPควอร์เตอร์
🇬🇧
รายได้ของรัฐ
85.104 ล้านล้าน GBP85.327 ล้านล้าน GBPรายเดือน
🇬🇧
รายได้จากภาษี
58.593 ล้านล้าน GBP58.416 ล้านล้าน GBPรายเดือน
🇬🇧
หนี้สาธารณะ
2.743 ชีวภาพ. GBP2.694 ชีวภาพ. GBPรายเดือน
🇬🇧
หนี้สุทธิของรัฐบาลต่อ GDP
99.5 % of GDP99.1 % of GDPรายเดือน
🇬🇧
อันดับคอร์รัปชั่น
20 18 ประจำปี

โดยทั่วไปแล้ว อัตราส่วนหนี้สินของรัฐบาลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ถูกใช้โดยนักลงทุนในการวัดความสามารถของประเทศในการชำระหนี้ในอนาคต ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมของประเทศและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

หนี้รัฐบาลต่อ GDP เป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่ช่วยให้เรามีความเข้าใจในสภาพคล่องทางการเงินและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างชัดเจน หนี้รัฐบาลต่อ GDP หมายถึงอัตราส่วนของหนี้สาธารณะที่ประเทศถือไว้เทียบกับผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยทั่วไปแล้วค่าที่ได้จากการคำนวณตัวบ่งชี้นี้จะแสดงออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสามารถใช้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ประเทศนั้นๆ จะประสบปัญหาทางการเงินหรือความเฉื่อยทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากหนี้รัฐบาลต่อ GDP มีค่าเพิ่มขึ้น หมายถึงรัฐบาลต้องการกว่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกันผลผลิตในทางเศรษฐกิจไม่สามารถตามทัน เช่นนี้อาจนำไปสู่ภาวะวิกฤติจากหนี้ เพิ่มความเสี่ยงที่รัฐบาลจะต้องเผชิญกับปัญหาการชำระหนี้ไม่ได้ การให้ความสำคัญกับตัวเลขหนี้ต่อ GDP จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการเศรษฐกิจ แต่ยังรวมไปถึงประชาชนทั่วไปที่รับผลกระทบจากนโยบายทางการเงินของรัฐบาล การเปรียบเทียบหนี้รัฐบาลต่อ GDP ระหว่างประเทศยังเป็นวิธีการที่น่าสนใจในการวิเคราะห์สภาพคล่องทางการเงินของเศรษฐกิจโลก ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือพิจารณาว่าสถานะทางการเงินของประเทศหนึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าประเทศอื่นๆ หรือไม่ ตัวอย่างของประเทศที่มีหนี้รัฐบาลต่อ GDP สูง เช่น ญี่ปุ่น หรือ กรีซ มีความหน่วยแน่ใจที่ว่าแนวทางจับการของรัฐบาลจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางเศรษฐกิจ แต่ในทางกลับกัน การที่หลายนโยบายการคลังของประเทศเหล่านี้อยู่ในระดับคงจะเดิมที่สมดุล ความเชื่อถือในตลาดการเงินยังคงสูง การวิเคราะห์หนี้รัฐบาลต่อ GDP ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการคลังของรัฐบาลในอนาคต ถ้าประเทศหนึ่งมีหนี้รัฐบาลต่อ GDP ในระดับสูงและยังไม่มีทิศทางที่จะลดลง เป็นไปได้ว่ารัฐบาลของประเทศนั้นจะต้องมีการดำเนินนโยบายการคลังที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มภาษี หรือการลดค่าใช้จ่ายของรัฐในบางด้าน เพื่อลดความเสี่ยงจากหนี้ที่มากขึ้นนี้ นอกจากการดูค่าอัตราส่วนหนี้รัฐบาลต่อ GDP แล้ว การวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวยังมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมักจะดูข้อมูลย้อนหลังกว่า 10-20 ปี เพื่อให้เข้าใจถึงทิศทางการชำระหนี้และการใช้จ่ายของรัฐบาล รวมไปถึงการประเมินการกู้หนี้ใหม่ของประเทศหนึ่งๆ การดูแนวโน้มนี้ยังช่วยให้เราสามารถรู้ได้ว่าประเทศหนึ่งมีความสามารถในการชำระหนี้ในระยะยาวอยู่ในระดับที่ยอมรับได้หรือไม่ การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนนี้อาจสะท้อนถึงการใช้จ่ายส่วนเกินของรัฐบาล ซึ่งสามารถกระทำในหลายรูปแบบ เช่น การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรืออาจเป็นการเน้นย้ำการให้บริการทางสังคม เช่น การรักษาพยาบาล การศึกษาหรือการป้องกันประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถบ่งชี้ระดับความเสี่ยงของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก เป็นต้น หนี้รัฐบาลต่อ GDP ยังมีความสำคัญต่อการวิเคราะห์ภาวะความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว และเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับนักลงทุนและนักวิจัยที่สนใจสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว ประเทศที่มีหนี้รัฐบาลต่อ GDP ในระดับต่ำหรือคงที่ มีแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าประเทศที่หนี้รัฐบาลต่อ GDP เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับนโยบายการเงินและการคลัง การดูแลไม่ให้หนี้รัฐบาลเพิ่มขึ้นเกินอัตราที่สามารถบริหารจัดการได้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะอัตราส่วนหนี้รัฐบาลต่อ GDP ที่สูงเกินไปอาจทำให้รัฐบาลเผชิญกับปัญหาในการกู้หนี้ใหม่ หรือการชำระหนี้เก่าที่อาจไปกระทบถึงเสถียรภาพทางการเงินของประเทศตามมา เว็บไซต์ Eulerpool เป็นแหล่งข้อมูลที่เสนอตัวบ่งชี้หนี้รัฐบาลต่อ GDP พร้อมข้อมูลที่สามารถใช้งานได้ง่าย ด้วยการอัพเดทข้อมูลที่ทันสมัยและการนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลด้านเศรษฐกิจที่มีความละเอียดและแม่นยำ ทั้งนี้ เรามีความตั้งใจที่จะแนะนำให้ผู้ใช้มีความเข้าใจในเรื่องของการเงินและเศรษฐกิจในระดับที่ลึกซึ้งและมีข้อมูลที่แน่ชัดสำหรับการตัดสินใจต่างๆ ในสุดท้าย ค่าอัตราส่วนหนี้รัฐบาลต่อ GDP เป็นตัวบ่งชี้ที่มีความสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับนักเศรษฐศาสตร์และนักวิจัยทางเศรษฐกิจ แต่ยังหมายถึงผลกระทบที่เป็น้อนดีต่อประชาชนทั่วไป การเข้าใจในความหมายและการวิเคราะห์ตัวเลขนี้จะช่วยให้เรามีภาพรวมที่ชัดเจนและสามารถตระหนักถึงความสำคัญของเสถียรภาพทางการเงินในเศรษฐกิจของประเทศ.