ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
fair value · 20 million securities worldwide · 50 year history · 10 year estimates · leading business news

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇵🇾

ปารากวัย ดุลการค้า

ราคา

19.799 ล้าน USD
การเปลี่ยนแปลง +/-
-42.85 ล้าน USD
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-103.94 %

มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ปารากวัย คือ 19.799 ล้าน USD ดุลการค้าใน ปารากวัย ลดลงไปที่ 19.799 ล้าน USD ในวันที่ 1/3/2566 หลังจากที่เป็น 62.65 ล้าน USD ในวันที่ 1/7/2564 ตั้งแต่ 1/1/2537 ถึง 1/5/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน ปารากวัย คือ -115.71 ล้าน USD จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 1/4/2566 ด้วยค่า 245.61 ล้าน USD ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/1/2566 ด้วยค่า -684.27 ล้าน USD

แหล่งที่มา: Banco Central del Paraguay

ดุลการค้า

  • แม็กซ์

ยอดการค้า

ดุลการค้า ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/3/256619.799 ล้าน USD
1/7/256462.65 ล้าน USD
1/6/256453.375 ล้าน USD
1/5/256487.164 ล้าน USD
1/4/256433.646 ล้าน USD
1/3/2564233.103 ล้าน USD
1/7/256352.452 ล้าน USD
1/6/25635.9 ล้าน USD
1/5/256377.036 ล้าน USD
1/4/2563111.217 ล้าน USD
1
2
3
4
5
...
12

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇵🇾
กระแสเงินทุน
-517.8 ล้าน USD-792.7 ล้าน USDควอร์เตอร์
🇵🇾
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ
26.4 ล้าน USD50.1 ล้าน USDควอร์เตอร์
🇵🇾
การโอนเงิน
59.044 ล้าน USD61.365 ล้าน USDรายเดือน
🇵🇾
ดัชนีการก่อการร้าย
0.241 Points1.605 Pointsประจำปี
🇵🇾
ทองคำสำรอง
8.19 Tonnes8.19 Tonnesควอร์เตอร์
🇵🇾
นำเข้า
1.396 ล้านล้าน USD1.359 ล้านล้าน USDรายเดือน
🇵🇾
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด
-209.7 ล้าน USD-138.8 ล้าน USDควอร์เตอร์
🇵🇾
ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
-5.9 % of GDP-0.8 % of GDPประจำปี
🇵🇾
ส่งออก
1.085 ล้านล้าน USD992.256 ล้าน USDรายเดือน
🇵🇾
หนี้สาธารณะต่างประเทศต่อจีดีพี
27.1 % of GDP26.5 % of GDPประจำปี
🇵🇾
หนี้สินต่างประเทศ
15.375 ล้านล้าน USD15.328 ล้านล้าน USDรายเดือน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าเกษตรในปารากวัยเพิ่มขึ้นอย่างมาก การขนส่งถั่วเหลืองคิดเป็นสัดส่วน 41 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกทั้งหมด อื่นๆ รวมถึง: เนื้อสัตว์ (16 เปอร์เซ็นต์), พลังงานไฟฟ้า (15 เปอร์เซ็นต์) และธัญพืช (7 เปอร์เซ็นต์) สินค้านำเข้าหลัก ได้แก่: เครื่องจักร อุปกรณ์ และมอเตอร์ (28 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้าทั้งหมด); สินค้าอุปโภคบริโภค (28 เปอร์เซ็นต์); เชื้อเพลิงและสารหล่อลื่น (12 เปอร์เซ็นต์); เคมีภัณฑ์ (10 เปอร์เซ็นต์); และชิ้นส่วนและอุปกรณ์การขนส่ง (7 เปอร์เซ็นต์) คู่ค้าหลัก ได้แก่: บราซิล (38 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกทั้งหมดและ 24 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้า) และอาร์เจนตินา (20 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกและ 10 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้า) อื่นๆ รวมถึง: จีนและสหรัฐอเมริกา

คืออะไร ดุลการค้า

ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว