ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
fair value · 20 million securities worldwide · 50 year history · 10 year estimates · leading business news

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇮🇩

อินโดนีเซีย อัตราเงินเฟ้อ

ราคา

2.84 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
-0.16 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-5.48 %

ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน อินโดนีเซีย คือ 2.84 % อัตราเงินเฟ้อ ใน อินโดนีเซีย ลดลงถึง 2.84 % เมื่อ 1/5/2567 หลังจากที่เคยเป็น 3 % เมื่อ 1/4/2567 จาก 1/11/2540 ถึง 1/6/2567 GDP เฉลี่ยใน อินโดนีเซีย อยู่ที่ 8.53 % สถิติสูงสุดตลอดกาลอยู่เมื่อ 1/9/2541 ที่ 82.4 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดจดบันทึกไว้เมื่อ 1/3/2543 ที่ -1.17 %

แหล่งที่มา: Statistics Indonesia

อัตราเงินเฟ้อ

  • แม็กซ์

อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/5/25672.84 %
1/4/25673 %
1/3/25673.05 %
1/2/25672.75 %
1/1/25672.57 %
1/12/25662.61 %
1/11/25662.86 %
1/10/25662.56 %
1/9/25662.28 %
1/8/25663.27 %
1
2
3
4
5
...
32

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇮🇩
CPI Transport
109.84 points109.81 pointsรายเดือน
🇮🇩
การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต
2.98 %3.36 %รายเดือน
🇮🇩
เงินเฟ้อด้านอาหาร
3.66 %4.95 %รายเดือน
🇮🇩
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
106.28 points106.37 pointsรายเดือน
🇮🇩
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง
102.4 points102.35 pointsรายเดือน
🇮🇩
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
104.38 points104.19 pointsรายเดือน
🇮🇩
ต้นทุนการผลิต
119.39 points119.63 pointsรายเดือน
🇮🇩
ตัวคูณ GDP
168.92 points169.44 pointsควอร์เตอร์
🇮🇩
ราคานำเข้า
183.46 points180.58 pointsรายเดือน
🇮🇩
ราคาส่งออก
197.43 points197.05 pointsรายเดือน
🇮🇩
อัตราเงินเฟ้อ MoM
-0.08 %-0.03 %รายเดือน
🇮🇩
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
1.9 %1.93 %รายเดือน
🇮🇩
อัตราเงินเฟ้อหลัก MoM
0.12 %0.1 %รายเดือน

ในประเทศอินโดนีเซีย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นการวัดการเปลี่ยนแปลงตามระยะเวลาที่กำหนดในระดับราคาทั่วไปของสินค้าและบริการที่ประชากรกลุ่มหนึ่งได้มา ใช้ หรือจ่ายเพื่อการบริโภค CPI ครอบคลุมประชากรในเมืองในเมืองหลวงของจังหวัด 44 แห่ง และเมืองหลวงของอำเภอในประเทศ หมวดหมู่ที่สำคัญที่สุดใน CPI ของอินโดนีเซีย ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ (25 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทั้งหมด), ที่อยู่อาศัย, น้ำ, ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงในครัวเรือน (20.4 เปอร์เซ็นต์), การขนส่ง (12.4 เปอร์เซ็นต์), และผู้ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม/ร้านอาหาร (8.7 เปอร์เซ็นต์) ดัชนียังรวมถึง: อุปกรณ์ในครัวเรือน เครื่องมือ และการบำรุงรักษาประจำ (6 เปอร์เซ็นต์); การดูแลส่วนบุคคลและบริการอื่น ๆ (5.9 เปอร์เซ็นต์); ข้อมูล การสื่อสาร และบริการทางการเงิน (5.8 เปอร์เซ็นต์); การศึกษา (5.6 เปอร์เซ็นต์); และเสื้อผ้าและรองเท้า (5.4 เปอร์เซ็นต์) สุขภาพและการพักผ่อน, กีฬา และวัฒนธรรมคิดเป็นสัดส่วนที่เหลืออีก 4.7 เปอร์เซ็นต์

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย

คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ