กลุ่มนักกลยุทธ์ที่เป็นขาลงในวอลล์สตรีทซึ่งมีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ กำลังประสบปัญหามากขึ้นในการโน้มน้าวลูกค้าที่ "คลั่งไคล้" ของพวกเขาว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลงและความตื่นเต้นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ถูกพูดเกินจริง ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐมีความเสี่ยงต่อการลดลงอย่างรุนแรง

แนวโน้มสิ้นปีของดัชนี S&P 500 ถูกปรับขึ้นโดยธนาคารเช่น Goldman Sachs, Citigroup และ UBS

แรลลี่นี้ยากลำบาก และเราพบว่ายากที่จะโน้มน้าวใจ [ลูกค้า] ให้เป็นขาลง" แบร์รี แบนนิสเตอร์ หัวหน้ากลยุทธ์หุ้นของ Stifel กล่าว "มีเงินเป็นกำแพงที่พร้อมจะซื้อขายในตลาดไม่ว่าเป็นราคาใดและยอมรับความคิดที่คลั่งไคล้ ผู้คนมีความสุขและเชื่อว่าฟ้านั้นไร้ขีดจำกัด" แบนนิสเตอร์เสริมขึ้นอีกว่า เขาคาดการณ์ว่าการเติบโตที่ชะลอตัวลงและเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่จะผลักดัน S&P ให้ลดลงประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์จากระดับปัจจุบันภายในสิ้นปีนี้.

ปีเตอร์ เบเรซิน หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านหุ้นของ BCA Research กล่าวว่า ตัวชี้วัดล่วงหน้าที่เขาชื่นชอบทั้งหมดบ่งชี้ถึงภาวะถดถอยภายในเก้าเดือนข้างหน้า แต่ลูกค้าหลายคนของเขามีความเห็นต่างออกไป “เรื่องเล่าของการลงจอดอย่างนุ่มนวล [ของเศรษฐกิจ] นั้นฝังแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ จนผมถูกลูกค้าท้าทายอยู่เสมอในที่ประชุม พวกเขาบอกว่าผมมองโลกในแง่ร้ายเกินไป” เบเรซินกล่าว

สัญญาณว่า นักวิเคราะห์บางคนที่เคยระมัดระวังมาก่อนยอมแพ้ คือ การที่ธนาคารการลงทุน Evercore ISI ได้ปรับการคาดการณ์สิ้นปีของ S&P จาก 4,750 เป็น 6,000 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ในหกเดือนข้างหน้า ทำให้กลายเป็นหนึ่งในธนาคารที่มองโลกในแง่ดีที่สุด

อัตราการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงเป็นประเด็นหลักที่มีการโต้แย้ง

ในเชิงประวัติศาสตร์ หมียังคงมีปัญหาในการยึดมั่นในมุมมองที่ตรงข้ามของพวกเขาอยู่เสมอ ในขณะที่พวกเขาอาจสูญเสียงานในช่วงตลาดกระทิงที่ยาวนาน พวกเขาอาจถูกหัวเราะเยาะหากการถดถอยที่พยากรณ์ไว้เกิดขึ้นในเวลาอันสั้น

เจพี มอร์แกน-นักวิเคราะห์ นำโดยหัวหน้านักยุทธศาสตร์ตลาดโลก มาร์โก โคลาโนวิช เชื่อว่า S&P 500 อาจลดลงเกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปีนี้ ตลาดแรงงานที่เย็นลง การขายบ้านที่ลดลง และหนี้สินผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะมาถึงตามที่โคลาโนวิชกล่าว

ธนาคารแสดงมุมมองเชิงลบต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก AI เชิงสร้างสรรค์ในช่วงต้นเดือน

„หากคุณมองตลาดในแง่ดีในปี 2022 มองในแง่ร้ายในปี 2023 และกลับมายังมองในแง่ร้ายในปี 2024 อีก ทำไมถึงมีใครคิดจะฟังคุณ?“ นักกลยุทธ์หุ้นจากธนาคารเพื่อการลงทุนขนาดกลางแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกากล่าว "ตรรกะทางสติปัญญาเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ชัดเจน" เขากล่าวเสริม "แต่ผู้ที่มองตลาดแบบทรงตัวเชิงลบหรือเชิงบวกตลอดไปจะไม่ได้รับการรับฟังหากการคาดการณ์ของพวกเขาไม่เป็นจริงในอนาคตอันใกล้หรือกลาง