ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇮🇹

อิตาลี อัตราเงินเฟ้อ

ราคา

1.1 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
-0.2 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-16.67 %

ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน อิตาลี คือ 1.1 % อัตราเงินเฟ้อ ใน อิตาลี ลดลงถึง 1.1 % เมื่อ 1/8/2567 หลังจากที่เคยเป็น 1.3 % เมื่อ 1/7/2567 จาก 1/1/2501 ถึง 1/9/2567 GDP เฉลี่ยใน อิตาลี อยู่ที่ 5.52 % สถิติสูงสุดตลอดกาลอยู่เมื่อ 1/1/2518 ที่ 25.68 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดจดบันทึกไว้เมื่อ 1/4/2502 ที่ -2.63 %

แหล่งที่มา: National Institute of Statistics (ISTAT)

อัตราเงินเฟ้อ

  • แม็กซ์

อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/8/25671.1 %
1/7/25671.3 %
1/6/25670.8 %
1/5/25670.8 %
1/4/25670.8 %
1/3/25671.2 %
1/2/25670.8 %
1/1/25670.8 %
1/12/25660.59 %
1/11/25660.67 %
1
2
3
4
5
...
76

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇮🇹
CPI Transport
122.8 points125.5 pointsรายเดือน
🇮🇹
การเงินเฟ้อด้านพลังงาน
-8.7 %-6.1 %รายเดือน
🇮🇹
การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต
-0.8 %-1.1 %รายเดือน
🇮🇹
เงินเฟ้อค่าเช่า
3.2 %3 %รายเดือน
🇮🇹
เงินเฟ้อด้านอาหาร
0.9 %1.4 %รายเดือน
🇮🇹
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
121.4 points121.2 pointsรายเดือน
🇮🇹
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ปรับเทียบแล้ว
123.4 points123 pointsรายเดือน
🇮🇹
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง
143.3 points142.8 pointsรายเดือน
🇮🇹
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
116.1 points116.3 pointsรายเดือน
🇮🇹
ต้นทุนการผลิต
122.5 points121.6 pointsรายเดือน
🇮🇹
ตัวคูณ GDP
117.645 points118.272 pointsควอร์เตอร์
🇮🇹
ภาวะเงินเฟ้อในการบริการ
2.8 %3.2 %รายเดือน
🇮🇹
ราคานำเข้า
122.3 points121.8 pointsรายเดือน
🇮🇹
ราคาส่งออก
128.3 points128.4 pointsรายเดือน
🇮🇹
อัตราเงินเฟ้อ MoM
-0.2 %0.2 %รายเดือน
🇮🇹
อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากัน YoY
0.8 %1.2 %รายเดือน
🇮🇹
อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากันรายเดือน
1.2 %-0.2 %รายเดือน
🇮🇹
อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตรายเดือน
-0.6 %0.7 %รายเดือน
🇮🇹
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
1.9 %1.9 %รายเดือน

ในอิตาลี หมวดหมู่ที่สำคัญที่สุดในดัชนีราคาผู้บริโภค ได้แก่: อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (18 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักรวมน้ำหนัก); การขนส่ง (14 เปอร์เซ็นต์); และที่อยู่อาศัย น้ำไฟฟ้า และเชื้อเพลิงต่าง ๆ (11 เปอร์เซ็นต์) ดัชนีนี้ยังรวมถึง: สินค้าและบริการเบ็ดเตล็ด (9 เปอร์เซ็นต์); ร้านอาหารและโรงแรม (9 เปอร์เซ็นต์); สุขภาพ (9 เปอร์เซ็นต์); เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์บ้าน และการบำรุงรักษา (8 เปอร์เซ็นต์); การพักผ่อนและวัฒนธรรม (7 เปอร์เซ็นต์); และเสื้อผ้าและรองเท้า (6 เปอร์เซ็นต์) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ การสื่อสาร และการศึกษา มีส่วนในน้ำหนักรวมน้ำหนักที่เหลืออีก 7 เปอร์เซ็นต์.

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ