ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇯🇵

ญี่ปุ่น อัตราเงินเฟ้อ

ราคา

3 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
+0.2 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+6.90 %

ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน ญี่ปุ่น คือ 3 %. อัตราเงินเฟ้อ ใน ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นเป็น 3 % เมื่อ 1/8/2567 หลังจากที่เคยเป็น 2.8 % เมื่อ 1/7/2567. จาก 1/1/2501 ถึง 1/9/2567, GDP เฉลี่ยใน ญี่ปุ่น คือ 2.85 %. ค่าสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/2/2517 ที่ 24.9 % ขณะที่ค่าต่ำสุดเกิดขึ้นเมื่อ 1/10/2552 ที่ -2.5 %.

แหล่งที่มา: Ministry of Internal Affairs & Communications

อัตราเงินเฟ้อ

  • แม็กซ์

อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/8/25673 %
1/7/25672.8 %
1/6/25672.8 %
1/5/25672.8 %
1/4/25672.5 %
1/3/25672.7 %
1/2/25672.8 %
1/1/25672.2 %
1/12/25662.6 %
1/11/25662.8 %
1
2
3
4
5
...
62

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇯🇵
CPI Transport
97.4 points97.6 pointsรายเดือน
🇯🇵
การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต
2.4 %1.1 %รายเดือน
🇯🇵
ความคาดหวังเงินเฟ้อ
2.4 %2.4 %ควอร์เตอร์
🇯🇵
เงินเฟ้อค่าเช่า
0.3 %0.3 %รายเดือน
🇯🇵
เงินเฟ้อด้านอาหาร
3.6 %4.1 %รายเดือน
🇯🇵
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
108.1 points107.7 pointsรายเดือน
🇯🇵
ดัชนีราคาผู้บริโภคโตเกียว
2.3 %2.2 %รายเดือน
🇯🇵
ดัชนีราคาผู้บริโภคโตเกียวไม่รวมอาหารและพลังงาน
1.5 %1.8 %รายเดือน
🇯🇵
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง
103.2 points103.1 pointsรายเดือน
🇯🇵
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
107.5 points107.1 pointsรายเดือน
🇯🇵
ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักของโตเกียว
1.8 %2 %รายเดือน
🇯🇵
ต้นทุนการผลิต
121.2 points120.8 pointsรายเดือน
🇯🇵
ตัวคูณ GDP
106.4 points109 pointsควอร์เตอร์
🇯🇵
ภาวะเงินเฟ้อในการบริการ
1.3 %1.4 %รายเดือน
🇯🇵
ราคานำเข้า
166.9 points163.8 pointsรายเดือน
🇯🇵
ราคาส่งออก
138.1 points134.6 pointsรายเดือน
🇯🇵
อัตราเงินเฟ้อ MoM
0.5 %0.2 %รายเดือน
🇯🇵
อัตราเงินเฟ้อของสินค้า
3.8 %3.9 %รายเดือน
🇯🇵
อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตรายเดือน
0.7 %0.5 %รายเดือน
🇯🇵
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
2.5 %2.2 %รายเดือน
🇯🇵
อัตราเงินเฟ้อหลัก
2.1 %2.4 %รายเดือน

ในญี่ปุ่น หมวดหมู่ที่สำคัญที่สุดในดัชนีราคาผู้บริโภค ได้แก่ อาหาร (26 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทั้งหมด) และที่อยู่อาศัย (21 เปอร์เซ็นต์) การขนส่งและการสื่อสารมีสัดส่วน 15 เปอร์เซ็นต์ วัฒนธรรมและการพักผ่อน 9 เปอร์เซ็นต์ ค่าน้ำมัน ค่าไฟ และค่าน้ำ 7 เปอร์เซ็นต์ สินค้าและบริการเบ็ดเตล็ด 6 เปอร์เซ็นต์ และการดูแลรักษาทางการแพทย์ 5 เปอร์เซ็นต์ เครื่องเรือนและเครื่องใช้ในครัวเรือน เสื้อผ้าและรองเท้า และการศึกษา คิดเป็นสัดส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทั้งหมด

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย

คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ