ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร โปรตุเกส ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน โปรตุเกส คือ 3.55 ล้าน EUR ดุลการค้าใน โปรตุเกส เพิ่มขึ้นเป็น 3.55 ล้าน EUR เมื่อ 1/5/2498 หลังจากที่เป็น 90,000 EUR เมื่อ 1/11/2497 จาก 1/1/2493 ถึง 1/4/2567 GDP เฉลี่ยใน โปรตุเกส คือ -631.43 ล้าน EUR มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/5/2498 โดยมีมูลค่า 3.55 ล้าน EUR ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/8/2565 โดยมีมูลค่า -3.42 ล้านล้าน EUR
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/10/2493 | 270,000 EUR |
1/11/2493 | 220,000 EUR |
1/10/2496 | 480,000 EUR |
1/12/2496 | 100,000 EUR |
1/2/2497 | 420,000 EUR |
1/11/2497 | 90,000 EUR |
1/5/2498 | 3.55 ล้าน EUR |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/5/2498 | 3.55 ล้าน EUR |
1/11/2497 | 90,000 EUR |
1/2/2497 | 420,000 EUR |
1/12/2496 | 100,000 EUR |
1/10/2496 | 480,000 EUR |
1/11/2493 | 220,000 EUR |
1/10/2493 | 270,000 EUR |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇵🇹 กระแสเงินทุน | 323.37 ล้าน EUR | 2.009 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇹 การขายอาวุธ | 10 ล้าน SIPRI TIV | 2 ล้าน SIPRI TIV | ประจำปี |
🇵🇹 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | 1.481 ล้านล้าน EUR | 1.172 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇹 การโอนเงิน | 329.09 ล้าน EUR | 320.77 ล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇹 ดัชนีการก่อการร้าย | 0 Points | 0 Points | ประจำปี |
🇵🇹 ทองคำสำรอง | 382.66 Tonnes | 382.63 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇵🇹 นำเข้า | 8.517 ล้านล้าน EUR | 9.071 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇹 นำเข้าก๊าซธรรมชาติ | 16,421.347 Terajoule | 13,529.603 Terajoule | รายเดือน |
🇵🇹 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | 877.55 ล้าน EUR | 480.44 ล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇹 ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า | 1.673 ล้าน Persons | 1.403 ล้าน Persons | รายเดือน |
🇵🇹 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | -1.1 % of GDP | -0.8 % of GDP | ประจำปี |
🇵🇹 รายได้จากการท่องเที่ยว | 2.058 ล้านล้าน EUR | 1.937 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇹 ส่งออก | 6.877 ล้านล้าน EUR | 6.766 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇹 หนี้สาธารณะต่างประเทศต่อจีดีพี | 151 % of GDP | 150 % of GDP | ควอร์เตอร์ |
🇵🇹 หนี้สินต่างประเทศ | 399.395 ล้านล้าน EUR | 398.714 ล้านล้าน EUR | ควอร์เตอร์ |
โปรตุเกสมีการขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่โปรตุเกสส่งออกและนำเข้า ได้แก่ เครื่องจักรและเครื่องใช้กลไก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการขาดดุลการค้ามากที่สุด ในทางกลับกัน กลุ่มที่มีการเกินดุลการค้ามากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แร่ เยื่อกระดาษและกระดาษ เสื้อผ้าและรองเท้า ในด้านการค้าสินค้า หมวดหมู่หลักที่ซื้อขายมากที่สุดคือวัสดุอุปกรณ์อุตสาหกรรม สเปน ฝรั่งเศส และเยอรมนี เป็นลูกค้าภายนอกและผู้จัดหาสินค้าหลักให้กับโปรตุเกส โดยคิดเป็นร้อยละ 50.9 ของการส่งออกทั้งหมดและร้อยละ 52 ของการนำเข้า สเปนเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของโปรตุเกส (มีสัดส่วนร้อยละ 26.7 ในการส่งออกและร้อยละ 32.8 ในการนำเข้า) การทำธุรกรรมกับสเปนมีการขาดดุลการค้ามากที่สุด ในขณะที่ฝรั่งเศสมีการเกินดุลมากที่สุด นอกสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้าหลัก ในขณะที่จีนเป็นผู้จัดหาสินค้านอกสหภาพยุโรปรายใหญ่ที่สุด
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว