ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇸🇪

สวีเดน อัตราเงินเฟ้อ

ราคา

3.9 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
-0.2 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-5.00 %

ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน สวีเดน คือ 3.9 % อัตราเงินเฟ้อ ใน สวีเดน ลดลงถึง 3.9 % เมื่อ 1/4/2567 หลังจากที่เคยเป็น 4.1 % เมื่อ 1/3/2567 จาก 1/1/2523 ถึง 1/5/2567 GDP เฉลี่ยใน สวีเดน อยู่ที่ 3.61 % สถิติสูงสุดตลอดกาลอยู่เมื่อ 1/10/2523 ที่ 15.5 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดจดบันทึกไว้เมื่อ 1/9/2552 ที่ -1.6 %

แหล่งที่มา: Statistics Sweden

อัตราเงินเฟ้อ

  • แม็กซ์

อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/4/25673.9 %
1/3/25674.1 %
1/2/25674.5 %
1/1/25675.4 %
1/12/25664.4 %
1/11/25665.8 %
1/10/25666.5 %
1/9/25666.5 %
1/8/25667.5 %
1/7/25669.3 %
1
2
3
4
5
...
48

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇸🇪
CPI Transport
573.65 points565.89 pointsรายเดือน
🇸🇪
CPI กับอัตราดอกเบี้ยคงที่ YoY
2.3 %2.3 %รายเดือน
🇸🇪
CPI ด้วยอัตราดอกเบี้ยแน่นอนรายเดือน
0.2 %0.3 %รายเดือน
🇸🇪
การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต
0.8 %2.6 %รายเดือน
🇸🇪
ความคาดหวังเงินเฟ้อ
6.2 %6.2 %รายเดือน
🇸🇪
เงินเฟ้อด้านอาหาร
1.46 %0.66 %รายเดือน
🇸🇪
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
416.18 points415.5 pointsรายเดือน
🇸🇪
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ปรับเทียบแล้ว
129.02 points128.82 pointsรายเดือน
🇸🇪
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง
568.77 points572.97 pointsรายเดือน
🇸🇪
ดัชนีราคาผู้บริโภคพร้อมอัตราดอกเบี้ยคงที่
261.21 points260.53 pointsรายเดือน
🇸🇪
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
247.28 points247.41 pointsรายเดือน
🇸🇪
ต้นทุนการผลิต
133.8 points134.3 pointsรายเดือน
🇸🇪
ราคานำเข้า
142.2 points143 pointsรายเดือน
🇸🇪
ราคาส่งออก
137.5 points135.5 pointsรายเดือน
🇸🇪
อัตราเงินเฟ้อ MoM
0.1 %-0.1 %รายเดือน
🇸🇪
อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากัน YoY
1.4 %2.5 %รายเดือน
🇸🇪
อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากันรายเดือน
-0.1 %0.2 %รายเดือน
🇸🇪
อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตรายเดือน
-0.4 %0 %รายเดือน
🇸🇪
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
3 %2.9 %รายเดือน
🇸🇪
อัตราเงินเฟ้อหลัก MoM
0.4 %0 %รายเดือน

ในสวีเดน หมวดหมู่ที่สำคัญที่สุดในดัชนีราคาผู้บริโภคคือ การเคหะและสาธารณูปโภค (24% ของน้ำหนักรวม) อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์คิดเป็น 14%; การขนส่งคิดเป็น 13%; การสันทนาการและวัฒนธรรมคิดเป็น 13%; สินค้าและบริการเบ็ดเตล็ดคิดเป็น 8%; และเฟอร์นิเจอร์ สินค้าในครัวเรือน และการบำรุงรักษา (7%) หมวดหมู่อื่นๆ ยังรวมถึง ร้านอาหารและโรงแรม (6%), เสื้อผ้าและรองเท้า (4%), เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ (4%), การรักษาพยาบาล (4%), การสื่อสาร (3%), และการศึกษา (0.30%)

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ