ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร เวียดนาม ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน เวียดนาม คือ 1.11 ล้านล้าน USD ดุลการค้าใน เวียดนาม ลดลงไปที่ 1.11 ล้านล้าน USD ในวันที่ 1/4/2567 หลังจากที่เป็น 2.78 ล้านล้าน USD ในวันที่ 1/3/2567 ตั้งแต่ 1/12/2533 ถึง 1/6/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน เวียดนาม คือ 7.84 ล้าน USD จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 1/8/2563 ด้วยค่า 4.99 ล้านล้าน USD ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/12/2539 ด้วยค่า -3.89 ล้านล้าน USD
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/12/2535 | 40 ล้าน USD |
1/2/2542 | 10 ล้าน USD |
1/1/2544 | 39 ล้าน USD |
1/7/2544 | 10 ล้าน USD |
1/8/2544 | 30 ล้าน USD |
1/1/2545 | 180 ล้าน USD |
1/1/2552 | 390 ล้าน USD |
1/2/2552 | 840 ล้าน USD |
1/3/2552 | 269 ล้าน USD |
1/7/2554 | 1.1 ล้านล้าน USD |
1/1/2555 | 172 ล้าน USD |
1/3/2555 | 424 ล้าน USD |
1/4/2555 | 3 ล้าน USD |
1/6/2555 | 361 ล้าน USD |
1/7/2555 | 579 ล้าน USD |
1/8/2555 | 51 ล้าน USD |
1/9/2555 | 175 ล้าน USD |
1/10/2555 | 156 ล้าน USD |
1/11/2555 | 395 ล้าน USD |
1/12/2555 | 498 ล้าน USD |
1/1/2556 | 776 ล้าน USD |
1/6/2556 | 286 ล้าน USD |
1/7/2556 | 379 ล้าน USD |
1/8/2556 | 604 ล้าน USD |
1/10/2556 | 101 ล้าน USD |
1/11/2556 | 1 ล้านล้าน USD |
1/1/2557 | 1.44 ล้านล้าน USD |
1/4/2557 | 811 ล้าน USD |
1/8/2557 | 1.07 ล้านล้าน USD |
1/11/2557 | 438 ล้าน USD |
1/4/2558 | 148 ล้าน USD |
1/8/2558 | 350 ล้าน USD |
1/10/2558 | 500 ล้าน USD |
1/11/2558 | 300 ล้าน USD |
1/1/2559 | 765 ล้าน USD |
1/3/2559 | 624 ล้าน USD |
1/4/2559 | 277 ล้าน USD |
1/7/2559 | 564 ล้าน USD |
1/8/2559 | 573 ล้าน USD |
1/9/2559 | 864 ล้าน USD |
1/1/2560 | 1.15 ล้านล้าน USD |
1/4/2560 | 186 ล้าน USD |
1/7/2560 | 266 ล้าน USD |
1/8/2560 | 1.59 ล้านล้าน USD |
1/9/2560 | 1.1 ล้านล้าน USD |
1/10/2560 | 2.18 ล้านล้าน USD |
1/11/2560 | 596 ล้าน USD |
1/1/2561 | 180 ล้าน USD |
1/2/2561 | 294 ล้าน USD |
1/3/2561 | 2.26 ล้านล้าน USD |
1/4/2561 | 1.16 ล้านล้าน USD |
1/6/2561 | 799 ล้าน USD |
1/8/2561 | 2.2 ล้านล้าน USD |
1/9/2561 | 1.61 ล้านล้าน USD |
1/10/2561 | 770 ล้าน USD |
1/11/2561 | 160 ล้าน USD |
1/12/2561 | 108 ล้าน USD |
1/1/2562 | 820 ล้าน USD |
1/3/2562 | 1.63 ล้านล้าน USD |
1/6/2562 | 1.93 ล้านล้าน USD |
1/7/2562 | 43 ล้าน USD |
1/8/2562 | 3.44 ล้านล้าน USD |
1/9/2562 | 1.61 ล้านล้าน USD |
1/10/2562 | 1.86 ล้านล้าน USD |
1/11/2562 | 1.45 ล้านล้าน USD |
1/12/2562 | 260 ล้าน USD |
1/2/2563 | 2.28 ล้านล้าน USD |
1/3/2563 | 1.98 ล้านล้าน USD |
1/5/2563 | 1.01 ล้านล้าน USD |
1/6/2563 | 1.85 ล้านล้าน USD |
1/7/2563 | 2.78 ล้านล้าน USD |
1/8/2563 | 4.99 ล้านล้าน USD |
1/9/2563 | 2.96 ล้านล้าน USD |
1/10/2563 | 2.94 ล้านล้าน USD |
1/11/2563 | 550 ล้าน USD |
1/1/2564 | 2.09 ล้านล้าน USD |
1/3/2564 | 1.2 ล้านล้าน USD |
1/9/2564 | 360 ล้าน USD |
1/10/2564 | 2.74 ล้านล้าน USD |
1/11/2564 | 1.3 ล้านล้าน USD |
1/12/2564 | 2.97 ล้านล้าน USD |
1/1/2565 | 1.39 ล้านล้าน USD |
1/3/2565 | 2.05 ล้านล้าน USD |
1/4/2565 | 850 ล้าน USD |
1/6/2565 | 610 ล้าน USD |
1/7/2565 | 80 ล้าน USD |
1/8/2565 | 3.86 ล้านล้าน USD |
1/9/2565 | 1.43 ล้านล้าน USD |
1/10/2565 | 2.47 ล้านล้าน USD |
1/11/2565 | 740 ล้าน USD |
1/12/2565 | 1.74 ล้านล้าน USD |
1/1/2566 | 520 ล้าน USD |
1/2/2566 | 2.81 ล้านล้าน USD |
1/3/2566 | 1.39 ล้านล้าน USD |
1/4/2566 | 2.66 ล้านล้าน USD |
1/5/2566 | 2.01 ล้านล้าน USD |
1/6/2566 | 3.09 ล้านล้าน USD |
1/7/2566 | 3.07 ล้านล้าน USD |
1/8/2566 | 3.44 ล้านล้าน USD |
1/9/2566 | 2.2 ล้านล้าน USD |
1/10/2566 | 2.73 ล้านล้าน USD |
1/11/2566 | 1.54 ล้านล้าน USD |
1/12/2566 | 2.06 ล้านล้าน USD |
1/1/2567 | 3.63 ล้านล้าน USD |
1/2/2567 | 1.38 ล้านล้าน USD |
1/3/2567 | 2.78 ล้านล้าน USD |
1/4/2567 | 1.11 ล้านล้าน USD |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/4/2567 | 1.11 ล้านล้าน USD |
1/3/2567 | 2.78 ล้านล้าน USD |
1/2/2567 | 1.38 ล้านล้าน USD |
1/1/2567 | 3.63 ล้านล้าน USD |
1/12/2566 | 2.06 ล้านล้าน USD |
1/11/2566 | 1.54 ล้านล้าน USD |
1/10/2566 | 2.73 ล้านล้าน USD |
1/9/2566 | 2.2 ล้านล้าน USD |
1/8/2566 | 3.44 ล้านล้าน USD |
1/7/2566 | 3.07 ล้านล้าน USD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇻🇳 กระแสเงินทุน | -1.644 ล้านล้าน USD | -2.775 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇻🇳 การผลิตน้ำมันดิบ | 165 BBL/D/1K | 167 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇻🇳 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | 10.84 ล้านล้าน USD | 8.25 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇻🇳 เงื่อนไขการซื้อขาย | 104.94 points | 102.5 points | ประจำปี |
🇻🇳 ดัชนีการก่อการร้าย | 0 Points | 0.227 Points | ประจำปี |
🇻🇳 นำเข้า | 30.15 ล้านล้าน USD | 32.72 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇻🇳 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | 6.375 ล้านล้าน USD | 7.222 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇻🇳 ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า | 1.249 ล้าน | 1.384 ล้าน | รายเดือน |
🇻🇳 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | 0.2 % of GDP | -0.3 % of GDP | ประจำปี |
🇻🇳 ส่งออก | 33.09 ล้านล้าน USD | 32.27 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇻🇳 หนี้สินต่างประเทศ | 144.858 ล้านล้าน USD | 139.499 ล้านล้าน USD | ประจำปี |
ตั้งแต่ปี 2012 เวียดนามเริ่มมีการรายงานการเกินดุลย์การค้าอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากการเติบโตของการส่งออกแข็งแกร่งกว่าการนำเข้า ในปี 2017 มีการบันทึกการขาดดุลย์การค้ากับเกาหลีใต้, จีน, ไต้หวัน, ไทย, สิงคโปร์ และอาร์เจนตินา ในขณะที่เวียดนามบันทึกการเกินดุลย์การค้ากับสหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, ฮ่องกง, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และออสเตรีย
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว