ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร สิงคโปร์ หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ราคา
ค่า ปัจจุบันของ หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน สิงคโปร์ คือ 46.5 % of GDP หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน สิงคโปร์ เพิ่มขึ้นเป็น 46.5 % of GDP เมื่อ 1/12/2566 หลังจากที่เป็น 46.4 % of GDP เมื่อ 1/9/2566 จาก 1/3/2534 ถึง 1/3/2567, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศโดยเฉลี่ยใน สิงคโปร์ คือ 43.84 % of GDP จุดสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/12/2563 ด้วย 60.7 % of GDP ขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อ 1/3/2534 ด้วย 21.8 % of GDP
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ·
แม็กซ์
หนี้สินของครัวเรือนต่อ GDP | |
---|---|
1/3/2534 | 21.8 % of GDP |
1/6/2534 | 22.3 % of GDP |
1/9/2534 | 22.4 % of GDP |
1/12/2534 | 22.2 % of GDP |
1/3/2535 | 22 % of GDP |
1/6/2535 | 22 % of GDP |
1/9/2535 | 22.3 % of GDP |
1/12/2535 | 22.6 % of GDP |
1/3/2536 | 22.3 % of GDP |
1/6/2536 | 23.5 % of GDP |
1/9/2536 | 23.8 % of GDP |
1/12/2536 | 24.6 % of GDP |
1/3/2537 | 26 % of GDP |
1/6/2537 | 26.7 % of GDP |
1/9/2537 | 27.5 % of GDP |
1/12/2537 | 29 % of GDP |
1/3/2538 | 29.5 % of GDP |
1/6/2538 | 29.8 % of GDP |
1/9/2538 | 30.4 % of GDP |
1/12/2538 | 31.6 % of GDP |
1/3/2539 | 32.4 % of GDP |
1/6/2539 | 33.3 % of GDP |
1/9/2539 | 33.7 % of GDP |
1/12/2539 | 34.2 % of GDP |
1/3/2540 | 34.7 % of GDP |
1/6/2540 | 34.9 % of GDP |
1/9/2540 | 35.2 % of GDP |
1/12/2540 | 35.1 % of GDP |
1/3/2541 | 34.6 % of GDP |
1/6/2541 | 34.9 % of GDP |
1/9/2541 | 35.3 % of GDP |
1/12/2541 | 36.1 % of GDP |
1/3/2542 | 36.8 % of GDP |
1/6/2542 | 37.5 % of GDP |
1/9/2542 | 37.7 % of GDP |
1/12/2542 | 37.6 % of GDP |
1/3/2543 | 37.4 % of GDP |
1/6/2543 | 37.5 % of GDP |
1/9/2543 | 37.1 % of GDP |
1/12/2543 | 37 % of GDP |
1/3/2544 | 37.9 % of GDP |
1/6/2544 | 38.3 % of GDP |
1/9/2544 | 39.9 % of GDP |
1/12/2544 | 41.8 % of GDP |
1/3/2545 | 42 % of GDP |
1/6/2545 | 42.2 % of GDP |
1/9/2545 | 42.1 % of GDP |
1/12/2545 | 42.3 % of GDP |
1/3/2546 | 43.5 % of GDP |
1/6/2546 | 45.6 % of GDP |
1/9/2546 | 46.9 % of GDP |
1/12/2546 | 48.4 % of GDP |
1/3/2547 | 47.9 % of GDP |
1/6/2547 | 47.1 % of GDP |
1/9/2547 | 46.7 % of GDP |
1/12/2547 | 45.9 % of GDP |
1/3/2548 | 45.1 % of GDP |
1/6/2548 | 44.6 % of GDP |
1/9/2548 | 43.9 % of GDP |
1/12/2548 | 43.2 % of GDP |
1/3/2549 | 42 % of GDP |
1/6/2549 | 40.9 % of GDP |
1/9/2549 | 40.1 % of GDP |
1/12/2549 | 39.6 % of GDP |
1/3/2550 | 38.8 % of GDP |
1/6/2550 | 38.2 % of GDP |
1/9/2550 | 38.5 % of GDP |
1/12/2550 | 38.7 % of GDP |
1/3/2551 | 38.5 % of GDP |
1/6/2551 | 39.4 % of GDP |
1/9/2551 | 40.2 % of GDP |
1/12/2551 | 41.7 % of GDP |
1/3/2552 | 42.7 % of GDP |
1/6/2552 | 44 % of GDP |
1/9/2552 | 45 % of GDP |
1/12/2552 | 45.3 % of GDP |
1/3/2553 | 44.5 % of GDP |
1/6/2553 | 44.7 % of GDP |
1/9/2553 | 45.5 % of GDP |
1/12/2553 | 46.3 % of GDP |
1/3/2554 | 46.6 % of GDP |
1/6/2554 | 48.4 % of GDP |
1/9/2554 | 49.5 % of GDP |
1/12/2554 | 51.1 % of GDP |
1/3/2555 | 51.6 % of GDP |
1/6/2555 | 52.5 % of GDP |
1/9/2555 | 54.3 % of GDP |
1/12/2555 | 56 % of GDP |
1/3/2556 | 57.1 % of GDP |
1/6/2556 | 57.8 % of GDP |
1/9/2556 | 58.1 % of GDP |
1/12/2556 | 58.5 % of GDP |
1/3/2557 | 58.5 % of GDP |
1/6/2557 | 58.9 % of GDP |
1/9/2557 | 59.2 % of GDP |
1/12/2557 | 59.3 % of GDP |
1/3/2558 | 58.7 % of GDP |
1/6/2558 | 58.1 % of GDP |
1/9/2558 | 57.7 % of GDP |
1/12/2558 | 57.3 % of GDP |
1/3/2559 | 56.9 % of GDP |
1/6/2559 | 57.1 % of GDP |
1/9/2559 | 57.4 % of GDP |
1/12/2559 | 57 % of GDP |
1/3/2560 | 56.1 % of GDP |
1/6/2560 | 56 % of GDP |
1/9/2560 | 55.9 % of GDP |
1/12/2560 | 56.1 % of GDP |
1/3/2561 | 55.9 % of GDP |
1/6/2561 | 55.2 % of GDP |
1/9/2561 | 59.8 % of GDP |
1/12/2561 | 59.1 % of GDP |
1/3/2562 | 58.1 % of GDP |
1/6/2562 | 57.6 % of GDP |
1/9/2562 | 57.3 % of GDP |
1/12/2562 | 57.6 % of GDP |
1/3/2563 | 56.6 % of GDP |
1/6/2563 | 58 % of GDP |
1/9/2563 | 59.5 % of GDP |
1/12/2563 | 60.7 % of GDP |
1/3/2564 | 60.4 % of GDP |
1/6/2564 | 57.2 % of GDP |
1/9/2564 | 55.2 % of GDP |
1/12/2564 | 53.4 % of GDP |
1/3/2565 | 51 % of GDP |
1/6/2565 | 48.8 % of GDP |
1/9/2565 | 47.1 % of GDP |
1/12/2565 | 45.5 % of GDP |
1/3/2566 | 45.3 % of GDP |
1/6/2566 | 46 % of GDP |
1/9/2566 | 46.4 % of GDP |
1/12/2566 | 46.5 % of GDP |
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/12/2566 | 46.5 % of GDP |
1/9/2566 | 46.4 % of GDP |
1/6/2566 | 46 % of GDP |
1/3/2566 | 45.3 % of GDP |
1/12/2565 | 45.5 % of GDP |
1/9/2565 | 47.1 % of GDP |
1/6/2565 | 48.8 % of GDP |
1/3/2565 | 51 % of GDP |
1/12/2564 | 53.4 % of GDP |
1/9/2564 | 55.2 % of GDP |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇸🇬 การใช้จ่ายของผู้บริโภค | 50.174 ล้านล้าน SGD | 49.607 ล้านล้าน SGD | ควอร์เตอร์ |
🇸🇬 เครดิตของภาคเอกชน | 653.074 ล้านล้าน SGD | 647.914 ล้านล้าน SGD | รายเดือน |
🇸🇬 ยอดขายปลีกเดือนต่อเดือnego | -2.7 % | -0.8 % | รายเดือน |
🇸🇬 ยอดขายปลีกประจำปี | 0.6 % | 1 % | รายเดือน |
🇸🇬 ราคาน้ำมันเบนซิน | 2.84 USD/Liter | 2.86 USD/Liter | รายเดือน |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP (Households Debt to GDP) เป็นดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ระดับหนี้สินของครัวเรือนในแต่ละประเทศเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP หนี้สินครัวเรือนหมายถึงการติดหนี้ทั้งหลายของครัวเรือนเช่นการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน การกู้ยืมเพื่อการบริโภค และบัตรเครดิต เปรียบเทียบกับผลผลิตทั้งหมดในเชิงเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งๆ ในภาพรวม การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนเมื่อเทียบกับ GDP อาจเป็นสัญญาณของหลายสิ่งหลายอย่างทั้งดีและไม่ดี สำหรับประเด็นดี การมีหนี้สินในระดับที่เหมาะสมสามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจด้วยการสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าทุน เช่น บ้านและรถยนต์ หรือการบริโภคในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม การมีหนี้สินครัวเรือนสูงเมื่อเทียบกับ GDP อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโดยรวม ความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนอาจลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินและการบริโภคสาธารณะ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากครัวเรือนมีภาระหนี้สินที่สูงเกินไป การวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ประการแรกคือระดับรายได้ของครัวเรือน หากรายได้ของครัวเรือนสูง การมีหนี้สินที่สูงก็อาจไม่เป็นปัญหาเท่าไร ประการที่สองคืออัตราดอกเบี้ย การกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำอาจทำให้ภาระหนี้สินของครัวเรือนดูไม่สูงเท่าที่คิด แต่หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้นภาระการชำระหนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยด้านความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานและความเสถียรของตลาดแรงงาน หากตลาดแรงงานมีเสถียรภาพสูงและอัตราการว่างงานต่ำ ครัวเรือนจะมีความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น ซึ่งทำให้หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ไม่เป็นปัญหามากนัก ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจชะลอตัวหรือมีความไม่แน่นอนสูง ครัวเรือนอาจพบว่าการชำระหนี้เป็นภาระหนักขึ้น ภายในบริบทของประเทศไทย ข้อมูลเรื่องหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนในอดีตแสดงให้เห็นถึงความต้องการการบริโภคและการกู้ยืมเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ทุน เช่นที่อยู่อาศัย แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงหากครัวเรือนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด หนี้สินครัวเรือนที่สูงอาจทำให้ครัวเรือนลดทอนการบริโภค ซึ่งอาจส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องมีมาตรการติดตามและควบคุมระดับหนี้สินครัวเรือนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายทางการเงิน เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ได้เพื่อลดภาระการชำระหนี้ของครัวเรือน และส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจคือการวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนในเชิงภูมิภาค การเปรียบเทียบหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ในแต่ละภูมิภาคสามารถเปิดเผยถึงแนวโน้มและปัจจัยเฉพาะที่มีผลต่อการกู้ยืม เช่น ค่าครองชีพและมูลค่าทรัพย์สินในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่างกัน ในยุคดิจิทัล การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงลึกกลายเป็นเรื่องที่สะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น เว็บไซต์เช่น eulerpool ซึ่งเชี่ยวชาญในการให้ข้อมูลทางแมโครเศรษฐกิจ สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การที่ข้อมูลนี้สามารถถูกวิเคราะห์และนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายจะช่วยให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจสามารถทำการตัดสินใจที่มีพื้นฐานจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การมีความรู้และการเข้าใจในแนวโน้มของหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการเงินและการลงทุนในระดับบุคคล การทำความเข้าใจถึงระดับหนี้สินของครัวเรือนในประเทศจะช่วยให้บุคคลสามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการเงินได้ดีขึ้น โดยสรุป หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP เป็นดัชนีที่มีผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย การติดตามระดับหนี้สินครัวเรือน การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบ และการใช้นโยบายทางการเงินที่เหมาะสมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและทันสมัยเช่นข้อมูลที่นำเสนอโดย eulerpool จะเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ