ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇸🇬

สิงคโปร์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (PMI)

ราคา

54.2 คะแนน
การเปลี่ยนแปลง +/-
+1.6 คะแนน
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+3.00 %

ค่าปัจจุบันของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (PMI) ในสิงคโปร์ อยู่ที่54.2 คะแนน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (PMI) ในสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นเป็น54.2 คะแนน เมื่อวันที่1/5/2567 หลังจากที่เคยอยู่ที่52.6 คะแนน เมื่อวันที่1/4/2567 ตั้งแต่1/12/2556 ถึง1/6/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ในสิงคโปร์ อยู่ที่51.96 คะแนน ค่าสูงสุดที่เคยถึงคือวันที่1/5/2565 ด้วยค่า59.4 คะแนน ในขณะที่ค่าต่ำสุดบันทึกไว้ที่1/5/2563 ด้วยค่า27.1 คะแนน

แหล่งที่มา: S&P Global

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (PMI)

  • แม็กซ์

Composite PMI

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (PMI) ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/5/256754.2 คะแนน
1/4/256752.6 คะแนน
1/3/256755.7 คะแนน
1/2/256756.8 คะแนน
1/1/256754.7 คะแนน
1/12/256655.7 คะแนน
1/11/256655.8 คะแนน
1/10/256653.7 คะแนน
1/9/256654.2 คะแนน
1/8/256653.6 คะแนน
1
2
3
4
5
...
13

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (PMI)

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇸🇬
การจดทะเบียนรถยนต์
6,132 Units5,803 Unitsรายเดือน
🇸🇬
การเปลี่ยนแปลงของสินค้าคงเหลือ
921.3 ล้าน SGD-1.472 ล้านล้าน SGDควอร์เตอร์
🇸🇬
การผลิตอุตสาหกรรม
21 %2 %รายเดือน
🇸🇬
การผลิตอุตสาหกรรมเดือนต่อเดือน
6.7 %10.2 %รายเดือน
🇸🇬
การล้มละลาย
116 Companies79 Companiesรายเดือน
🇸🇬
ตัวบ่งชี้ล่วงหน้า
107.7 points106.4 pointsควอร์เตอร์
🇸🇬
บริการสัญญาณณ์
13 points7 pointsควอร์เตอร์
🇸🇬
ผลิตภัณฑ์ PMI
50.4 points50.6 pointsรายเดือน
🇸🇬
สภาวะธุรกิจ
23 points22 pointsควอร์เตอร์

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคเอกชนของสิงคโปร์ (PMI™) จาก S&P Global ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่รวบรวมจากการตอบแบบสอบถามรายเดือนที่ส่งให้กับผู้บริหารในบริษัทเอกชนกว่า 400 แห่ง ครอบคลุมภาคการผลิต บริการ ก่อสร้าง และค้าปลีก การตอบแบบสอบถามสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในเดือนปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยอิงจากข้อมูลที่รวบรวมในช่วงกลางเดือน ค่าอ่านดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นโดยรวมของกิจกรรมภาคเอกชน ขณะที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการลดลงโดยรวมของกิจกรรมภาคเอกชน

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย

คืออะไร ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (PMI)

ที่ Eulerpool เว็บไซต์ที่เชื่อถือได้สำหรับการแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและเป็นปัจจุบัน ในหมวดหมู่การวัดดัชนีเศรษฐกิจมหภาคหนึ่งที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับในระดับสากลคือ 'Composite PMI' หรือดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแบบผสม เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่นำมาใช้ในการประเมินสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแบบผสม (Composite PMI) คืออะไร? ดัชนี PMI เป็นเครื่องมือที่ถูกพัฒนามาเพื่อประเมินสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและเป็นตัวชี้วัดระดับการเติบโตหรือหยุดชะงักของเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำการสำรวจผ่านการถามคำถามของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในองค์กรต่าง ๆ ซึ่งพวกเขาจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งซื้อ การผลิต สต๊อกสินค้า การจ้างงาน และราคาสินค้า และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาคำนวณเป็นดัชนี PMI Composite PMI นั้นจะรวมข้อมูลทั้งจากภาคการผลิตและภาคบริการ ซึ่งทำให้ดัชนีนี้มีความครอบคลุมในการประเมินสภาพเศรษฐกิจแบบครบองค์รวม ภาคการบริการมีความสำคัญอย่างยิ่งในเศรษฐกิจสมัยใหม่ และการรวมข้อมูลจากทั้งสองภาคสาขาทำให้ได้รับภาพรวมที่แม่นยำและแพร่หลายมากขึ้น ทำไม Composite PMI ถึงสำคัญ? Composite PMI มีบทบาทสำคัญในการทำให้เราเข้าใจและประเมินสภาพเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เนื่องจากดัชนีนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ การใช้จ่ายของผู้บริโภค การจ้างงาน และการลงทุน ถ้าดัชนี Composite PMI สูงกว่า 50 แสดงว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว ในขณะที่ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งบอกถึงการหดตัวของเศรษฐกิจ ผลลัพธ์ของ Composite PMI จะนำเสนอได้ทั้งแบบรายเดือนหรือรายไตรมาส ซึ่งจะช่วยให้ผู้วางแผนในบริษัท นักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้บริหารองค์กรสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้งานได้ทันที การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของ Composite PMI ทั้งในช่วงเวลาสั้นและเวลา่ยาวจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจในอนาคตได้ เมื่อเราพูดถึงการวางแผนและการตัดสินใจในด้านเศรษฐกิจ การมีข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง Composite PMI จึงให้ประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้วางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจหรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารเศรษฐกิจมหาภาค ทั้งนี้เนื่องจากผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อมีข้อมูลภายในที่สามารถสรุปภาพรวมได้อย่างชัดเจน การเปรียบเทียบ Composite PMI ระหว่างประเทศหรือภูมิภาคแตกต่างกันยังเป็นการให้มุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการค้าโลกและการเติบโตของเศรษฐกิจแต่ละประเทศ แต่ละภูมิภาคสามารถนำข้อมูล Composite PMI ไปใช้ในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ, เปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขัน, และดูการพัฒนาทางเศรษฐกิจในระยะยาว การให้ความสำคัญกับข้อมูล Composite PMI ยังเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนที่ต้องการทำการวิเคราะห์การลงทุนเชิงลึก ทั้งในแง่ของการวิเคราะห์เศรษฐกิจระดับมหภาคและการตรวจสอบสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง การเชื่อมโยงข้อมูลที่ได้กับข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และดัชนีการค้าสามารถช่วยให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลที่ครบถ้วนและทำให้ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเข้าใจในดัชนี Composite PMI ยังเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในนโยบายรัฐบาลที่อาจจะมีผลต่อเศรษฐกิจ การประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตสามารถทำให้ผู้ที่มีความรับผิดชอบในระดับรัฐบาลหรือธนาคารกลางสร้างนโยบายที่เหมาะสมและทันเวลา โดยสรุป ดัชนี Composite PMI เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมของการเติบโตในระยะสั้นหรือยาว รวมทั้งยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจและการลงทุน ซึ่งทางเว็บไซต์ Eulerpool มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอข้อมูลที่มีคุณค่านี้ให้แก่ผู้ใช้งานทุกท่าน เพื่อให้ได้ตัดสินใจอย่างมีข้อมูลและความมั่นใจในทุกสถานการณ์