ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
fair value · 20 million securities worldwide · 50 year history · 10 year estimates · leading business news

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇬🇧

สหราชอาณาจักร ตัวคูณจีดีพี (GDP)

ราคา

120.6 คะแนน
การเปลี่ยนแปลง +/-
+1.09 คะแนน
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+0.91 %

ค่าปัจจุบันของ ตัวคูณจีดีพี (GDP) ใน สหราชอาณาจักร คือ 120.6 คะแนน ตัวคูณจีดีพี (GDP) ใน สหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้นเป็น 120.6 คะแนน เมื่อ 1/3/2567 หลังจากที่เป็น 119.51 คะแนน เมื่อ 1/12/2566 จาก 1/3/2498 ถึง 1/6/2567 ค่าเฉลี่ยของ GDP ใน สหราชอาณาจักร คือ 48.65 คะแนน ค่าสูงสุดตลอดกาลคือวันที่ 1/6/2567 ที่ 121 คะแนน ในขณะที่ค่าต่ำสุดบันทึกไว้เมื่อ 1/3/2498 ที่ 3.83 คะแนน

แหล่งที่มา: Office for National Statistics

ตัวคูณจีดีพี (GDP)

  • แม็กซ์

ตัวคูณ GDP

ตัวคูณจีดีพี (GDP) ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/3/2567120.6 คะแนน
1/12/2566119.51 คะแนน
1/9/2566119.34 คะแนน
1/6/2566118.42 คะแนน
1/3/2566115.6 คะแนน
1/12/2565113.69 คะแนน
1/9/2565111.13 คะแนน
1/6/2565109.4 คะแนน
1/3/2565107.21 คะแนน
1/12/2564105.72 คะแนน
1
2
3
4
5
...
28

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ตัวคูณจีดีพี (GDP)

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇬🇧
CPI Transport
136 points135 pointsรายเดือน
🇬🇧
PPI อินพุต
0 %0.8 %รายเดือน
🇬🇧
การเงินเฟ้อด้านพลังงาน
-13.2 %-10.9 %รายเดือน
🇬🇧
การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต
1.7 %1.1 %รายเดือน
🇬🇧
ความคาดหวังเงินเฟ้อ
3.3 %3.6 %รายเดือน
🇬🇧
เงินเฟ้อค่าเช่า
7.1 %7.2 %รายเดือน
🇬🇧
เงินเฟ้อด้านอาหาร
1.3 %1.5 %รายเดือน
🇬🇧
ดัชนีราคาปลีก
3 %3.3 %รายเดือน
🇬🇧
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
133.9 points133.5 pointsรายเดือน
🇬🇧
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง
137.3 points137 pointsรายเดือน
🇬🇧
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
131.5 points130.9 pointsรายเดือน
🇬🇧
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ป้อน YoY
-0.1 %-1.4 %รายเดือน
🇬🇧
ดัชนีราคาผู้ผลิตแกนกลาง
135.8 points135.5 pointsรายเดือน
🇬🇧
ดัชนีราคาผู้ผลิตชั้นนำ เดือนต่อเดือน
0.1 %0.1 %รายเดือน
🇬🇧
ดัชนีราคาผู้ผลิตหลัก เมื่อเทียบรายปี
1 %0.3 %รายเดือน
🇬🇧
ต้นทุนการผลิต
147 points147.7 pointsรายเดือน
🇬🇧
ต้นทุนการผลิต
137.4 points137.5 pointsรายเดือน
🇬🇧
ภาวะเงินเฟ้อในการบริการ
5.2 %5.7 %รายเดือน
🇬🇧
อัตราเงินเฟ้อ
2 %2.3 %รายเดือน
🇬🇧
อัตราเงินเฟ้อ MoM
0.3 %-0.2 %รายเดือน
🇬🇧
อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตรายเดือน
-0.1 %0.3 %รายเดือน
🇬🇧
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
3.5 %3.9 %รายเดือน
🇬🇧
อัตราเงินเฟ้อหลัก MoM
0.1 %0.2 %รายเดือน

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร ตัวคูณจีดีพี (GDP)

GDP Deflator (ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) เป็นหนึ่งในดัชนีที่สำคัญที่สุดที่ถูกใช้ในวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค เป็นตัวชี้วัดเชิงตัวเลขที่ช่วยให้เราสามารถประเมินแนวโน้มของราคาและราคาเงินเฟ้อได้ โดยการแยกปัจจัยที่เป็นปริมาณการผลิตออกจากปัจจัยที่เป็นการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ และวัดการเปลี่ยนแปลงราคาของทุกสินค้าภายในประเทศเรื่องนี้มีความหมายอย่างมากในการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจมหภาค เนื่องจากสามารถช่วยให้ทางรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงนักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในภาคการศึกษาเศรษฐศาสตร์ การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศส่วนใหญ่จะถูกมองว่าเป็นสัญญาณหนึ่งของเงินเฟ้อ เนื่องจากหากราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะมีผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อสินค้าของผู้บริโภค และสร้างแรงกดดันให้กับธุรกิจในการกำหนดราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น GDP Deflator นั้นไม่เหมือนกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เนื่องจากมันไม่จำกัดแค่รายการของสินค้าหรือบริการที่ถูกกำหนดในตะกร้าสินค้า แต่จะคำนวณจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าทุกประเภทที่ถูกผลิตภายในประเทศดังนั้น มันจึงให้ภาพที่ครอบคลุมมากกว่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของราคาในเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังช่วยให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคาในภาคการผลิต การบริโภค การลงทุน และการค้าระหว่างประเทศในภาพรวม การคำนวน GDP Deflator ทำนั้นเรียบง่ายในทางทฤษฎี โดยเศรษฐกิจที่เป็นตัวแทนของการคำนวณนี้แสดงผ่านสมการ GDP Deflator = (nGDP / rGDP) * 100 ซึ่ง nGDP (Nominal GDP) คือมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเรียลมูลค่าปัจจุบันที่ยังไม่ได้ ปรับปรุงตามดัชนีเงินเฟ้อ ส่วน rGDP (Real GDP) คือมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ถูกปรับปรุงตามดัชนีเงินเฟ้อสมการนี้ทำให้เราสามารถแยกความแตกต่างระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิตและการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าได้อย่างง่ายดาย ความสำคัญของ GDP Deflator นั้นไม่สามารถประมาทได้ แน่นอนเราสามารถนำดัชนีนี้มาใช้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาวและระยะสั้น ตลอดจนการคาดการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อในอนาคต โดยทั่วไปดัชนีนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเปรียบเทียบระดับราคาของแต่ละช่วงเวลาสร้างความชัดเจนในการวิเคราะห์ว่าสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลามีแนวโน้มและสถานการณ์ที่เป็นอย่างไร นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน รวมไปถึงนักลงทุน จะใช้ GDP Deflator เพื่อวิเคราะห์ถึงความเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดได้ดียิ่งขึ้นตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่ต้องการวิเคราะห์การลงทุนในระยะยาวอาจจะมองหาสัญญาณที่แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของดัชนีนี้เนื่องจากมันสามารถบอกได้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะแข็งแรงขึ้นหรือมีความเสถียรและชัดเจนขึ้น แต่ในทางกลับกันหาก GDP Deflator ลดลง ก็อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ถึงการลดลงของระดับราคาสินค้าและบริการ ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบทางลบในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจ นอกจากนี้การวิเคราะห์ GDP Deflator ยังช่วยให้สามารถประเมินความสามารถในการบริโภคของประชาชนได้อย่างชัดเจนมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของดัชนีนี้สามารถสื่อถึงว่าประชาชนอาจจะมีความสามารถในการบริโภคน้อยลงเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคา ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงของความต้องการสินค้าบางประเภท สิ่งนี้ยังมีผลกระทบต่อการวางแผนการผลิตและการบริหารจัดการของธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มนี้ตามไปด้วย ในทำนองเดียวกัน GDP Deflator ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนในระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน เช่นการปรับอัตราดอกเบี้ย หรือการกำหนดนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้งบประมาณของรัฐบาลในการลงทุนในภาคส่วนต่างๆ จะต้องพิจารณาถึงดัชนีนี้อย่างถี่ถ้วนเพื่อให้การดำเนินนโยบายในแต่ละระดับมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นๆ สุดท้ายนี้ การทำความเข้าใจดัชนี GDP Deflator และการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องยังจำเป็นต้องอาศัยความตั้งใจและความระมัดระวังในการประมวลผล เนื่องจากเศรษฐกิจเป็นระบบที่มีความซับซ้อนการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและครบถ้วนมีความสำคัญอย่างมากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจและการวางแผนที่ดีที่สุดสำหรับทุกภาคส่วนของสังคม เว็บไซต์ eulerpool ของเรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอข้อมูลดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศพร้อมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ครอบคลุมและทันสมัย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญและใช้ในการวิเคราะห์เศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ