ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร โปแลนด์ ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน โปแลนด์ คือ 486 ล้าน EUR ดุลการค้าใน โปแลนด์ เพิ่มขึ้นเป็น 486 ล้าน EUR เมื่อ 1/3/2567 หลังจากที่เป็น 324 ล้าน EUR เมื่อ 1/2/2567 จาก 1/1/2543 ถึง 1/4/2567 GDP เฉลี่ยใน โปแลนด์ คือ -676.92 ล้าน EUR มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/6/2563 โดยมีมูลค่า 1.93 ล้านล้าน EUR ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/2/2565 โดยมีมูลค่า -3.29 ล้านล้าน EUR
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/4/2556 | 77 ล้าน EUR |
1/9/2556 | 175 ล้าน EUR |
1/1/2558 | 235 ล้าน EUR |
1/2/2558 | 16 ล้าน EUR |
1/3/2558 | 3 ล้าน EUR |
1/5/2558 | 100 ล้าน EUR |
1/10/2558 | 239 ล้าน EUR |
1/11/2558 | 54 ล้าน EUR |
1/1/2559 | 420 ล้าน EUR |
1/3/2559 | 42 ล้าน EUR |
1/4/2559 | 161 ล้าน EUR |
1/5/2559 | 183 ล้าน EUR |
1/6/2559 | 406 ล้าน EUR |
1/4/2560 | 202 ล้าน EUR |
1/3/2562 | 114 ล้าน EUR |
1/9/2562 | 46 ล้าน EUR |
1/12/2562 | 248 ล้าน EUR |
1/1/2563 | 73 ล้าน EUR |
1/2/2563 | 84 ล้าน EUR |
1/5/2563 | 878 ล้าน EUR |
1/6/2563 | 1.93 ล้านล้าน EUR |
1/7/2563 | 282 ล้าน EUR |
1/8/2563 | 567 ล้าน EUR |
1/9/2563 | 1.09 ล้านล้าน EUR |
1/10/2563 | 1.48 ล้านล้าน EUR |
1/11/2563 | 1.55 ล้านล้าน EUR |
1/12/2563 | 317 ล้าน EUR |
1/1/2564 | 1.08 ล้านล้าน EUR |
1/2/2564 | 130 ล้าน EUR |
1/4/2564 | 954 ล้าน EUR |
1/6/2564 | 155 ล้าน EUR |
1/1/2566 | 1.13 ล้านล้าน EUR |
1/2/2566 | 427 ล้าน EUR |
1/3/2566 | 958 ล้าน EUR |
1/4/2566 | 258 ล้าน EUR |
1/5/2566 | 895 ล้าน EUR |
1/6/2566 | 1.48 ล้านล้าน EUR |
1/7/2566 | 79 ล้าน EUR |
1/8/2566 | 116 ล้าน EUR |
1/9/2566 | 585 ล้าน EUR |
1/10/2566 | 1.06 ล้านล้าน EUR |
1/1/2567 | 1.3 ล้านล้าน EUR |
1/2/2567 | 324 ล้าน EUR |
1/3/2567 | 486 ล้าน EUR |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/3/2567 | 486 ล้าน EUR |
1/2/2567 | 324 ล้าน EUR |
1/1/2567 | 1.297 ล้านล้าน EUR |
1/10/2566 | 1.055 ล้านล้าน EUR |
1/9/2566 | 585 ล้าน EUR |
1/8/2566 | 116 ล้าน EUR |
1/7/2566 | 79 ล้าน EUR |
1/6/2566 | 1.482 ล้านล้าน EUR |
1/5/2566 | 895 ล้าน EUR |
1/4/2566 | 258 ล้าน EUR |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇵🇱 กระแสเงินทุน | 253 ล้าน EUR | 88 ล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇱 การขายอาวุธ | 499 ล้าน SIPRI TIV | 419 ล้าน SIPRI TIV | ประจำปี |
🇵🇱 การผลิตน้ำมันดิบ | 14 BBL/D/1K | 17 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇵🇱 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | 251.554 ล้านล้าน EUR | 238.97 ล้านล้าน EUR | ประจำปี |
🇵🇱 การโอนเงิน | 681 ล้าน EUR | 664 ล้าน EUR | ควอร์เตอร์ |
🇵🇱 เงื่อนไขการซื้อขาย | 96 points | 97 points | รายเดือน |
🇵🇱 ดัชนีการก่อการร้าย | 0 Points | 0 Points | ประจำปี |
🇵🇱 ทองคำสำรอง | 358.69 Tonnes | 358.69 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇵🇱 นำเข้า | 27.283 ล้านล้าน EUR | 26.971 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇱 นำเข้าก๊าซธรรมชาติ | 67,276.837 Terajoule | 62,160.285 Terajoule | รายเดือน |
🇵🇱 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | 588 ล้าน EUR | 168 ล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇱 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | 1.6 % of GDP | -2.4 % of GDP | ประจำปี |
🇵🇱 ส่งออก | 27.979 ล้านล้าน EUR | 28.331 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇵🇱 หนี้สินต่างประเทศ | 431.553 ล้านล้าน USD | 429.065 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
จากช่วงต้นทศวรรษที่ผ่านมา การหมุนเวียนการค้าต่างประเทศของโปแลนด์เพิ่มขึ้นเกือบสิบเท่า โปแลนด์ส่งออกผลไม้และผักแปรรูป เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์อิเล็กโทรเมคานิค ยานพาหนะ เครื่องบิน และเรือ ส่วนใหญ่นำเข้าของโปแลนด์คือสินค้าทุนที่จำเป็นสำหรับการปรับปรุงอุตสาหกรรมและสำหรับการผลิต เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง เคมีภัณฑ์ แร่ เชื้อเพลิง และสารหล่อลื่น สหภาพยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของโปแลนด์ คิดเป็นประมาณ 79% ของการส่งออกและ 64% ของการนำเข้า
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว