ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร เนเธอร์แลนด์ หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ราคา
ค่าสภาพปัจจุบันของหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน เนเธอร์แลนด์ คือ 95.5 % of GDP หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน เนเธอร์แลนด์ ลดลงเป็น 95.5 % of GDP เมื่อ 1/12/2566 หลังจากที่เคยเป็น 97.8 % of GDP ใน 1/9/2566 ตั้งแต่ 1/12/2533 ถึง 1/3/2567 ค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเฉลี่ยใน เนเธอร์แลนด์ อยู่ที่ 100.33 % of GDP ค่าสูงสุดตลอดกาลถึงในวันที่ 1/9/2553 กับ 126.3 % of GDP ในขณะที่ค่าสภาพต่ำสุดถูกบันทึกใน 1/9/2534 ด้วย 53.9 % of GDP
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ·
แม็กซ์
หนี้สินของครัวเรือนต่อ GDP | |
---|---|
1/12/2533 | 54.2 % of GDP |
1/3/2534 | 55.3 % of GDP |
1/6/2534 | 54.2 % of GDP |
1/9/2534 | 53.9 % of GDP |
1/12/2534 | 54.8 % of GDP |
1/3/2535 | 55.4 % of GDP |
1/6/2535 | 55.5 % of GDP |
1/9/2535 | 56.3 % of GDP |
1/12/2535 | 56.5 % of GDP |
1/3/2536 | 58 % of GDP |
1/6/2536 | 57.8 % of GDP |
1/9/2536 | 57.7 % of GDP |
1/12/2536 | 59.5 % of GDP |
1/3/2537 | 61.4 % of GDP |
1/6/2537 | 62.2 % of GDP |
1/9/2537 | 62.3 % of GDP |
1/12/2537 | 63.1 % of GDP |
1/3/2538 | 64 % of GDP |
1/6/2538 | 65.7 % of GDP |
1/9/2538 | 65.5 % of GDP |
1/12/2538 | 66 % of GDP |
1/3/2539 | 68 % of GDP |
1/6/2539 | 69.4 % of GDP |
1/9/2539 | 70.3 % of GDP |
1/12/2539 | 71.6 % of GDP |
1/3/2540 | 76 % of GDP |
1/6/2540 | 78.9 % of GDP |
1/9/2540 | 81 % of GDP |
1/12/2540 | 77.5 % of GDP |
1/3/2541 | 80.8 % of GDP |
1/6/2541 | 81.4 % of GDP |
1/9/2541 | 83.5 % of GDP |
1/12/2541 | 84.3 % of GDP |
1/3/2542 | 86.5 % of GDP |
1/6/2542 | 88.1 % of GDP |
1/9/2542 | 89.7 % of GDP |
1/12/2542 | 90.8 % of GDP |
1/3/2543 | 91.1 % of GDP |
1/6/2543 | 92.1 % of GDP |
1/9/2543 | 93.3 % of GDP |
1/12/2543 | 93.7 % of GDP |
1/3/2544 | 93.3 % of GDP |
1/6/2544 | 93.7 % of GDP |
1/9/2544 | 94.2 % of GDP |
1/12/2544 | 94.9 % of GDP |
1/3/2545 | 95.6 % of GDP |
1/6/2545 | 97 % of GDP |
1/9/2545 | 98.4 % of GDP |
1/12/2545 | 99.7 % of GDP |
1/3/2546 | 100.9 % of GDP |
1/6/2546 | 102.6 % of GDP |
1/9/2546 | 105.2 % of GDP |
1/12/2546 | 106.8 % of GDP |
1/3/2547 | 107.9 % of GDP |
1/6/2547 | 108.9 % of GDP |
1/9/2547 | 110.2 % of GDP |
1/12/2547 | 110.8 % of GDP |
1/3/2548 | 111.6 % of GDP |
1/6/2548 | 112.3 % of GDP |
1/9/2548 | 113.5 % of GDP |
1/12/2548 | 114.1 % of GDP |
1/3/2549 | 114.2 % of GDP |
1/6/2549 | 114.7 % of GDP |
1/9/2549 | 114.9 % of GDP |
1/12/2549 | 115.6 % of GDP |
1/3/2550 | 116.2 % of GDP |
1/6/2550 | 116.2 % of GDP |
1/9/2550 | 116.5 % of GDP |
1/12/2550 | 115.8 % of GDP |
1/3/2551 | 115.5 % of GDP |
1/6/2551 | 115.6 % of GDP |
1/9/2551 | 115.7 % of GDP |
1/12/2551 | 116.6 % of GDP |
1/3/2552 | 118.3 % of GDP |
1/6/2552 | 120.5 % of GDP |
1/9/2552 | 122.8 % of GDP |
1/12/2552 | 124.9 % of GDP |
1/3/2553 | 125.9 % of GDP |
1/6/2553 | 126.2 % of GDP |
1/9/2553 | 126.3 % of GDP |
1/12/2553 | 126 % of GDP |
1/3/2554 | 125.5 % of GDP |
1/6/2554 | 125.5 % of GDP |
1/9/2554 | 125.4 % of GDP |
1/12/2554 | 125.1 % of GDP |
1/3/2555 | 125.2 % of GDP |
1/6/2555 | 125.3 % of GDP |
1/9/2555 | 125.7 % of GDP |
1/12/2555 | 125.6 % of GDP |
1/3/2556 | 125.2 % of GDP |
1/6/2556 | 124.3 % of GDP |
1/9/2556 | 124.5 % of GDP |
1/12/2556 | 122.7 % of GDP |
1/3/2557 | 122.2 % of GDP |
1/6/2557 | 121.7 % of GDP |
1/9/2557 | 121.1 % of GDP |
1/12/2557 | 120.6 % of GDP |
1/3/2558 | 120.8 % of GDP |
1/6/2558 | 120 % of GDP |
1/9/2558 | 119.2 % of GDP |
1/12/2558 | 119 % of GDP |
1/3/2559 | 119 % of GDP |
1/6/2559 | 118.7 % of GDP |
1/9/2559 | 118.6 % of GDP |
1/12/2559 | 117.9 % of GDP |
1/3/2560 | 117.7 % of GDP |
1/6/2560 | 117 % of GDP |
1/9/2560 | 116.3 % of GDP |
1/12/2560 | 115.7 % of GDP |
1/3/2561 | 115 % of GDP |
1/6/2561 | 114.3 % of GDP |
1/9/2561 | 113.5 % of GDP |
1/12/2561 | 112.9 % of GDP |
1/3/2562 | 112.1 % of GDP |
1/6/2562 | 111.1 % of GDP |
1/9/2562 | 110.1 % of GDP |
1/12/2562 | 109.5 % of GDP |
1/3/2563 | 109.6 % of GDP |
1/6/2563 | 112.1 % of GDP |
1/9/2563 | 113.2 % of GDP |
1/12/2563 | 114.6 % of GDP |
1/3/2564 | 115.4 % of GDP |
1/6/2564 | 112.6 % of GDP |
1/9/2564 | 111 % of GDP |
1/12/2564 | 109 % of GDP |
1/3/2565 | 107.1 % of GDP |
1/6/2565 | 105.7 % of GDP |
1/9/2565 | 103.9 % of GDP |
1/12/2565 | 101.5 % of GDP |
1/3/2566 | 100.3 % of GDP |
1/6/2566 | 98.9 % of GDP |
1/9/2566 | 97.8 % of GDP |
1/12/2566 | 95.5 % of GDP |
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/12/2566 | 95.5 % of GDP |
1/9/2566 | 97.8 % of GDP |
1/6/2566 | 98.9 % of GDP |
1/3/2566 | 100.3 % of GDP |
1/12/2565 | 101.5 % of GDP |
1/9/2565 | 103.9 % of GDP |
1/6/2565 | 105.7 % of GDP |
1/3/2565 | 107.1 % of GDP |
1/12/2564 | 109 % of GDP |
1/9/2564 | 111 % of GDP |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇳🇱 การใช้จ่ายของผู้บริโภค | 102.362 ล้านล้าน EUR | 103.414 ล้านล้าน EUR | ควอร์เตอร์ |
🇳🇱 การออมส่วนบุคคล | 24.11 % | 11.98 % | ควอร์เตอร์ |
🇳🇱 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค | -23 points | -22 points | รายเดือน |
🇳🇱 ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล | 0.6 % | 0.4 % | รายเดือน |
🇳🇱 ยอดขายปลีกเดือนต่อเดือnego | -0.7 % | 0.7 % | รายเดือน |
🇳🇱 ยอดขายปลีกประจำปี | 1.8 % | 2.6 % | รายเดือน |
🇳🇱 ราคาน้ำมันเบนซิน | 2.2 USD/Liter | 2.28 USD/Liter | รายเดือน |
🇳🇱 รายได้ส่วนบุคคลที่ใช้ได้ | 487.078 ล้านล้าน EUR | 440.338 ล้านล้าน EUR | ประจำปี |
🇳🇱 สินเชื่อบุคคล | 7.967 ล้านล้าน EUR | 8.04 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇳🇱 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร | 4.21 % | 4.24 % | รายเดือน |
🇳🇱 อัตราส่วนหนี้สินของครัวเรือนต่อรายได้ | 175.54 % | 185.03 % | ประจำปี |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP (Households Debt to GDP) เป็นดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ระดับหนี้สินของครัวเรือนในแต่ละประเทศเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP หนี้สินครัวเรือนหมายถึงการติดหนี้ทั้งหลายของครัวเรือนเช่นการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน การกู้ยืมเพื่อการบริโภค และบัตรเครดิต เปรียบเทียบกับผลผลิตทั้งหมดในเชิงเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งๆ ในภาพรวม การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนเมื่อเทียบกับ GDP อาจเป็นสัญญาณของหลายสิ่งหลายอย่างทั้งดีและไม่ดี สำหรับประเด็นดี การมีหนี้สินในระดับที่เหมาะสมสามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจด้วยการสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าทุน เช่น บ้านและรถยนต์ หรือการบริโภคในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม การมีหนี้สินครัวเรือนสูงเมื่อเทียบกับ GDP อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโดยรวม ความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนอาจลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินและการบริโภคสาธารณะ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากครัวเรือนมีภาระหนี้สินที่สูงเกินไป การวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ประการแรกคือระดับรายได้ของครัวเรือน หากรายได้ของครัวเรือนสูง การมีหนี้สินที่สูงก็อาจไม่เป็นปัญหาเท่าไร ประการที่สองคืออัตราดอกเบี้ย การกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำอาจทำให้ภาระหนี้สินของครัวเรือนดูไม่สูงเท่าที่คิด แต่หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้นภาระการชำระหนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยด้านความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานและความเสถียรของตลาดแรงงาน หากตลาดแรงงานมีเสถียรภาพสูงและอัตราการว่างงานต่ำ ครัวเรือนจะมีความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น ซึ่งทำให้หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ไม่เป็นปัญหามากนัก ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจชะลอตัวหรือมีความไม่แน่นอนสูง ครัวเรือนอาจพบว่าการชำระหนี้เป็นภาระหนักขึ้น ภายในบริบทของประเทศไทย ข้อมูลเรื่องหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนในอดีตแสดงให้เห็นถึงความต้องการการบริโภคและการกู้ยืมเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ทุน เช่นที่อยู่อาศัย แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงหากครัวเรือนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด หนี้สินครัวเรือนที่สูงอาจทำให้ครัวเรือนลดทอนการบริโภค ซึ่งอาจส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องมีมาตรการติดตามและควบคุมระดับหนี้สินครัวเรือนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายทางการเงิน เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ได้เพื่อลดภาระการชำระหนี้ของครัวเรือน และส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจคือการวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนในเชิงภูมิภาค การเปรียบเทียบหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ในแต่ละภูมิภาคสามารถเปิดเผยถึงแนวโน้มและปัจจัยเฉพาะที่มีผลต่อการกู้ยืม เช่น ค่าครองชีพและมูลค่าทรัพย์สินในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่างกัน ในยุคดิจิทัล การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงลึกกลายเป็นเรื่องที่สะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น เว็บไซต์เช่น eulerpool ซึ่งเชี่ยวชาญในการให้ข้อมูลทางแมโครเศรษฐกิจ สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การที่ข้อมูลนี้สามารถถูกวิเคราะห์และนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายจะช่วยให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจสามารถทำการตัดสินใจที่มีพื้นฐานจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การมีความรู้และการเข้าใจในแนวโน้มของหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการเงินและการลงทุนในระดับบุคคล การทำความเข้าใจถึงระดับหนี้สินของครัวเรือนในประเทศจะช่วยให้บุคคลสามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการเงินได้ดีขึ้น โดยสรุป หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP เป็นดัชนีที่มีผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย การติดตามระดับหนี้สินครัวเรือน การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบ และการใช้นโยบายทางการเงินที่เหมาะสมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและทันสมัยเช่นข้อมูลที่นำเสนอโดย eulerpool จะเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ