ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร มองโกเลีย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน มองโกเลีย คือ 29.752 ล้านล้าน USD การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน มองโกเลีย เพิ่มขึ้นเป็น 29.752 ล้านล้าน USD ในวันที่ 1/9/2566 หลังจากที่มันอยู่ที่ 29.121 ล้านล้าน USD เมื่อวันที่ 1/6/2566 ตั้งแต่ 1/12/2553 ถึง 1/12/2566 GDP เฉลี่ยใน มองโกเลีย คือ 20.47 ล้านล้าน USD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1/12/2566 ด้วย 30.59 ล้านล้าน USD ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อวันที่ 1/12/2553 ด้วย 8.44 ล้านล้าน USD
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ·
แม็กซ์
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | |
---|---|
1/12/2553 | 8.44 ล้านล้าน USD |
1/3/2554 | 9.78 ล้านล้าน USD |
1/6/2554 | 10.92 ล้านล้าน USD |
1/9/2554 | 12 ล้านล้าน USD |
1/12/2554 | 13.33 ล้านล้าน USD |
1/3/2555 | 14.62 ล้านล้าน USD |
1/6/2555 | 15.83 ล้านล้าน USD |
1/9/2555 | 17.11 ล้านล้าน USD |
1/12/2555 | 17.67 ล้านล้าน USD |
1/3/2556 | 18.56 ล้านล้าน USD |
1/6/2556 | 18.95 ล้านล้าน USD |
1/9/2556 | 19.14 ล้านล้าน USD |
1/12/2556 | 19.58 ล้านล้าน USD |
1/3/2557 | 19.95 ล้านล้าน USD |
1/6/2557 | 19.81 ล้านล้าน USD |
1/9/2557 | 20.32 ล้านล้าน USD |
1/12/2557 | 20.25 ล้านล้าน USD |
1/3/2558 | 20.14 ล้านล้าน USD |
1/6/2558 | 20.29 ล้านล้าน USD |
1/9/2558 | 20.39 ล้านล้าน USD |
1/12/2558 | 20.7 ล้านล้าน USD |
1/3/2559 | 20.9 ล้านล้าน USD |
1/6/2559 | 16.41 ล้านล้าน USD |
1/9/2559 | 16.31 ล้านล้าน USD |
1/12/2559 | 16.28 ล้านล้าน USD |
1/3/2560 | 16.54 ล้านล้าน USD |
1/6/2560 | 16.85 ล้านล้าน USD |
1/9/2560 | 17.38 ล้านล้าน USD |
1/12/2560 | 18.02 ล้านล้าน USD |
1/3/2561 | 18.57 ล้านล้าน USD |
1/6/2561 | 19.12 ล้านล้าน USD |
1/9/2561 | 19.58 ล้านล้าน USD |
1/12/2561 | 20.22 ล้านล้าน USD |
1/3/2562 | 20.67 ล้านล้าน USD |
1/6/2562 | 21.23 ล้านล้าน USD |
1/9/2562 | 21.69 ล้านล้าน USD |
1/12/2562 | 22.56 ล้านล้าน USD |
1/3/2563 | 22.92 ล้านล้าน USD |
1/6/2563 | 23.45 ล้านล้าน USD |
1/9/2563 | 23.76 ล้านล้าน USD |
1/12/2563 | 24.21 ล้านล้าน USD |
1/3/2564 | 24.85 ล้านล้าน USD |
1/6/2564 | 25.28 ล้านล้าน USD |
1/9/2564 | 25.95 ล้านล้าน USD |
1/12/2564 | 26.28 ล้านล้าน USD |
1/3/2565 | 26.77 ล้านล้าน USD |
1/6/2565 | 26.88 ล้านล้าน USD |
1/9/2565 | 27.4 ล้านล้าน USD |
1/12/2565 | 28.52 ล้านล้าน USD |
1/3/2566 | 28.91 ล้านล้าน USD |
1/6/2566 | 29.12 ล้านล้าน USD |
1/9/2566 | 29.75 ล้านล้าน USD |
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/9/2566 | 29.752 ล้านล้าน USD |
1/6/2566 | 29.121 ล้านล้าน USD |
1/3/2566 | 28.908 ล้านล้าน USD |
1/12/2565 | 28.521 ล้านล้าน USD |
1/9/2565 | 27.399 ล้านล้าน USD |
1/6/2565 | 26.885 ล้านล้าน USD |
1/3/2565 | 26.772 ล้านล้าน USD |
1/12/2564 | 26.282 ล้านล้าน USD |
1/9/2564 | 25.955 ล้านล้าน USD |
1/6/2564 | 25.276 ล้านล้าน USD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇲🇳 กระแสเงินทุน | 60.88 ล้าน USD | 45.55 ล้าน USD | รายเดือน |
🇲🇳 การผลิตน้ำมันดิบ | 15 BBL/D/1K | 15 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇲🇳 การโอนเงิน | 13.81 ล้าน USD | 5.23 ล้าน USD | รายเดือน |
🇲🇳 ดัชนีการก่อการร้าย | 0 Points | 0 Points | ประจำปี |
🇲🇳 ทองคำสำรอง | 6.03 Tonnes | 6.61 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇲🇳 นำเข้า | 968.9 ล้าน USD | 1.012 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇲🇳 ยอดการค้า | 449.6 ล้าน USD | 274.7 ล้าน USD | รายเดือน |
🇲🇳 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | -232.11 ล้าน USD | 226.36 ล้าน USD | รายเดือน |
🇲🇳 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | -10.9 % of GDP | -13.4 % of GDP | ประจำปี |
🇲🇳 ส่งออก | 1.419 ล้านล้าน USD | 1.287 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇲🇳 หนี้สินต่างประเทศ | 34.57 ล้านล้าน USD | 33.991 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญในด้านเศรษฐกิจมหภาคที่มีบทบาทสำคัญต่อนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในปัจจุบัน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีความหมายถึงการลงทุนโดยหน่วยงานหรือบุคคลจากประเทศหนึ่งเข้าไปลงทุนในกิจการของประเทศอื่น โดยมีการถือหุ้นหรือสิทธิ์ในการบริหารจัดการกิจการนั้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งต่างกับการลงทุนทางการเงินที่เน้นการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อหากำไรในระยะสั้น ปัจจัยที่ทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีความสำคัญมากในระบบเศรษฐกิจมหภาค ประเทศที่ได้รับการลงทุนจากต่างประเทศมักจะได้รับประโยชน์ทั้งในด้านการเพิ่มพูนทุนทรัพย์สิน การสร้างงานใหม่ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเพิ่มผลผลิต ผู้ลงทุนต่างประเทศมักจะมองหาสิ่งที่พวกเขาสามารถได้รับจากการลงทุน เช่น ผลตอบแทนที่สูงขึ้น การกระจายความเสี่ยง การเข้าถึงแหล่งทรัพยากร หรือการขยายตลาดใหม่ ซึ่งทุกปัจจัยเหล่านี้มีผลกับการตัดสินใจทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค ในมุมมองของประเทศที่รับการลงทุน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ นักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนชี้ว่า FDI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ผ่านการนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ นอกจากนั้น การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศยังสามารถช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน โรงงาน และระบบสื่อสาร ซึ่งจะช่วยให้ภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจสามารถขยับขยายและพัฒนาได้เร็วขึ้น อีกประเด็นที่สำคัญคือผลกระทบต่อการว่างงาน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมักจะนำไปสู่การสร้างงานใหม่ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เมื่อมีการสร้างงานใหม่ขึ้น ไม่เพียงแต่จะช่วยลดอัตราการว่างงาน แต่ยังช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศที่มากขึ้น การใช้จ่ายนี้เองจะนำไปสู่การหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพและสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอันยั่งยืน สำหรับประเทศไทย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศถือเป็นแหล่งทุนที่สำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตและพัฒนาต่อไปได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนโยบายที่เปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รัฐบาลไทยได้มีการออกกฎหมายและนโยบายที่ส่งเสริมและสร้างความเอื้อต่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษี การให้สิทธิเข้าถึงทรัพยากรอย่างเป็นธรรม และการส่งเสริมการลงทุนในคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้ ยังมีการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zones หรือ SEZ) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการให้สิทธิพิเศษในการลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ เขตเศรษฐกิจพิเศษเหล่านี้มักจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมให้บริการ การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนและสามารถลดความเสี่ยงในระดับหนึ่ง เมื่อพูดถึงปัจจัยที่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทย มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ความเป็นกลางทางการเมือง ศักยภาพทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานที่เติบโต และการเปิดเสรีทางการค้าเป็นเพียงบางส่วนของปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายการลงทุนที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม การมีนโยบายที่ชัดเจนและความโปร่งใสในการบริหารจัดการเป็นสิ่งที่จะไม่สามารถละเลยได้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทยไม่ได้มีเพียงแต่ผลบวกเท่านั้น ยังมีผลกระทบบางประการที่ต้องระมัดระวัง เช่น การเข้าไปควบคุมกิจการที่อาจจะผูกขาดตลาด หรือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินกว่าความจำเป็น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การลงทุนเหล่านี้มีประโยชน์สูงสุดแก่เศรษฐกิจและประชาชนในประเทศ นอกจากนี้ การพัฒนาเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่มีความสามารถเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญในการรับมือกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การมีบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถสูงจะทำให้ประเทศมีโอกาสในการเจรจาและบริหารจัดการการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการพัฒนาทางทักษะที่คงอยู่และลดการพึ่งพาทรัพยากรจากต่างประเทศ สุดท้ายนี้ การมีข้อมูลครบถ้วนและเชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เว็บไซต์ eulerpool ของเราเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ในการนำเสนอข้อมูลด้านเศรษฐกิจมหภาค ทีมงานของเรามุ่งมั่นในการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน และถูกต้องที่สุดเพื่อช่วยให้นักลงทุนและผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นหนึ่งในเครื่องหมายที่จะบอกถึงสุขภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นการทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อให้เราสามารถอยู่รอดและเติบโตในโลกเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว