ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇲🇴

มาเก๊า ดุลการค้า

ราคา

56.355 ล้าน MOP
การเปลี่ยนแปลง +/-
-183.189 ล้าน MOP
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-123.82 %

มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน มาเก๊า คือ 56.355 ล้าน MOP ดุลการค้าใน มาเก๊า ลดลงไปที่ 56.355 ล้าน MOP ในวันที่ 1/8/2546 หลังจากที่เป็น 239.544 ล้าน MOP ในวันที่ 1/7/2546 ตั้งแต่ 1/1/2540 ถึง 1/5/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน มาเก๊า คือ -3.94 ล้านล้าน MOP จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 1/7/2543 ด้วยค่า 634.54 ล้าน MOP ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/5/2564 ด้วยค่า -14.56 ล้านล้าน MOP

แหล่งที่มา: Statistics and Census Service, Government of Macao SAR

ดุลการค้า

  • แม็กซ์

ยอดการค้า

ดุลการค้า ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/8/254656.355 ล้าน MOP
1/7/2546239.544 ล้าน MOP
1/6/2546154.212 ล้าน MOP
1/1/2546142.06 ล้าน MOP
1/12/254557.484 ล้าน MOP
1/8/2545138.258 ล้าน MOP
1/7/254580.1 ล้าน MOP
1/6/25456.341 ล้าน MOP
1/12/254499.944 ล้าน MOP
1/9/254426.865 ล้าน MOP
1
2
3
4
...
5

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇲🇴
กระแสเงินทุน
-14.228 ล้านล้าน MOP-23.631 ล้านล้าน MOPประจำปี
🇲🇴
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ
-20.674 ล้านล้าน MOP-6.456 ล้านล้าน MOPประจำปี
🇲🇴
เงื่อนไขการซื้อขาย
99.9 points98.7 pointsควอร์เตอร์
🇲🇴
นำเข้า
10.614 ล้านล้าน MOP11.117 ล้านล้าน MOPรายเดือน
🇲🇴
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด
22.441 ล้านล้าน MOP14.077 ล้านล้าน MOPประจำปี
🇲🇴
ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า
2.692 ล้าน 2.601 ล้าน รายเดือน
🇲🇴
ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
5.6 % of GDP5.7 % of GDPประจำปี
🇲🇴
รายได้จากการท่องเที่ยว
20.348 ล้านล้าน MOP19.188 ล้านล้าน MOPควอร์เตอร์
🇲🇴
ส่งออก
1.035 ล้านล้าน MOP1.218 ล้านล้าน MOPรายเดือน

ยอดขาดดุลการค้าของมาเก๊าเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการส่งออกลดลงและการนำเข้าสูงขึ้น มาเก๊าส่งออกสินค้าส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าและสิ่งทอ ยาสูบและไวน์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง ทองแดง นาฬิกา เครื่องประดับเพชร เครื่องจักรสำนักงาน และอุปกรณ์สื่อสาร มาเก๊านำเข้าอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องประดับทอง โทรศัพท์มือถือ นาฬิกา กระเป๋าถือ ยานพาหนะ รองเท้า และคอมพิวเตอร์พกพา คู่ค้าหลักของมาเก๊าคือ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เยอรมนี และไต้หวัน

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย

คืออะไร ดุลการค้า

ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว