คอสตาริกา อัตราเงินเฟ้อ
ราคา
ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน คอสตาริกา คือ 0.37 % อัตราเงินเฟ้อ ใน คอสตาริกา ลดลงถึง 0.37 % เมื่อ 1/4/2568 หลังจากที่เคยเป็น 1.21 % เมื่อ 1/3/2568 จาก 1/1/2520 ถึง 1/8/2568 GDP เฉลี่ยใน คอสตาริกา อยู่ที่ 12.61 % สถิติสูงสุดตลอดกาลอยู่เมื่อ 1/9/2525 ที่ 108.89 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดจดบันทึกไว้เมื่อ 1/8/2566 ที่ -3.28 %
อัตราเงินเฟ้อ
แม็กซ์
อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์
| วันที่ | มูลค่า |
|---|---|
| 1/4/2568 | 0.37 % |
| 1/3/2568 | 1.21 % |
| 1/2/2568 | 1.25 % |
| 1/1/2568 | 1.15 % |
| 1/12/2567 | 0.95 % |
| 1/8/2567 | 0.3 % |
| 1/7/2567 | 0.03 % |
| 1/5/2566 | 0.88 % |
| 1/4/2566 | 2.44 % |
| 1/3/2566 | 4.42 % |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ
| ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
|---|---|---|---|
🇨🇷 CPI Transport | 106.64 points | 106.69 points | รายเดือน |
🇨🇷 ความคาดหวังเงินเฟ้อ | 2 % | 2.01 % | รายเดือน |
🇨🇷 เงินเฟ้อด้านอาหาร | -1.72 % | -0.13 % | รายเดือน |
🇨🇷 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) | 108.67 points | 108.91 points | รายเดือน |
🇨🇷 ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง | 110.52 points | 110.54 points | รายเดือน |
🇨🇷 ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน | 110.92 points | 110.96 points | รายเดือน |
🇨🇷 ต้นทุนการผลิต | 137.82 points | 137.98 points | รายเดือน |
🇨🇷 อัตราเงินเฟ้อ MoM | -0.21 % | 0.52 % | รายเดือน |
🇨🇷 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน | 0.69 % | 0.81 % | รายเดือน |
ในประเทศคอสตาริกา ส่วนประกอบหลักของดัชนีราคาผู้บริโภคประกอบด้วย: อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (19 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทั้งหมด); การขนส่ง (18 เปอร์เซ็นต์) และค่าเช่าและบริการภายในครัวเรือน (11 เปอร์เซ็นต์). เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ครัวเรือนมีสัดส่วน 9 เปอร์เซ็นต์; ร้านอาหารและโรงแรม 8.6 เปอร์เซ็นต์; บันเทิงและวัฒนธรรม 7 เปอร์เซ็นต์ และสินค้าและบริการเบ็ดเตล็ด 6 เปอร์เซ็นต์. ส่วนอื่น ๆ รวมถึง: การศึกษา (5.9 เปอร์เซ็นต์); เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า (5.8 เปอร์เซ็นต์); การดูแลสุขภาพ (5 เปอร์เซ็นต์); การสื่อสาร (4 เปอร์เซ็นต์) และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ (1 เปอร์เซ็นต์). ดัชนีระดับชาติมีฐานที่ 100 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2006. ดัชนี CPI สะท้อนถึงราคาสินค้าและรูปแบบการใช้จ่ายที่ลงทะเบียนในเขตเมือง 114 เขตของประเทศ.
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน อเมริกา
- 🇦🇷อาร์เจนตินา
- 🇦🇼อารูบา
- 🇧🇸บาฮามาส
- 🇧🇧บาร์เบโดส
- 🇧🇿เบลิซ
- 🇧🇲เบอร์มิวดา
- 🇧🇴โบลิเวีย
- 🇧🇷บราซิล
- 🇨🇦แคนาดา
- 🇰🇾หมู่เกาะเคย์แมน
- 🇨🇱ชิลี
- 🇨🇴โคลอมเบีย
- 🇨🇺คิวบา
- 🇩🇴สาธารณรัฐโดมินิกัน
- 🇪🇨เอกวาดอร์
- 🇸🇻เอลซัลวาดอร์
- 🇬🇹กัวเตมาลา
- 🇬🇾กายอานา
- 🇭🇹ไฮติ
- 🇭🇳ฮอนดูรัส
- 🇯🇲จาไมก้า
- 🇲🇽เม็กซิโก
- 🇳🇮นิการากัว
- 🇵🇦ปานามา
- 🇵🇾ปารากวัย
- 🇵🇪เปรู
- 🇵🇷เปอร์โตริโก
- 🇸🇷ซูรินาม
- 🇹🇹ตรินิแดดและโตเบโก
- 🇺🇸สหรัฐอเมริกา
- 🇺🇾อุรุกวัย
- 🇻🇪เวเนซุเอลา
- 🇦🇬แอนติกาและบาร์บูดา
- 🇩🇲โดมินิกา
- 🇬🇩เกรนาดา
คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ

