ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇮🇱

อิสราเอล ดุลการค้า

ราคา

113.8 ล้าน USD
การเปลี่ยนแปลง +/-
+110.1 ล้าน USD
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+187.40 %

มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน อิสราเอล คือ 113.8 ล้าน USD ดุลการค้าใน อิสราเอล เพิ่มขึ้นเป็น 113.8 ล้าน USD เมื่อ 1/5/2552 หลังจากที่เป็น 3.7 ล้าน USD เมื่อ 1/2/2510 จาก 1/1/2502 ถึง 1/5/2567 GDP เฉลี่ยใน อิสราเอล คือ -654.16 ล้าน USD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/5/2552 โดยมีมูลค่า 113.8 ล้าน USD ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/5/2565 โดยมีมูลค่า -5.18 ล้านล้าน USD

แหล่งที่มา: Central Bureau of Statistics, Israel

ดุลการค้า

  • แม็กซ์

ยอดการค้า

ดุลการค้า ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/5/2552113.8 ล้าน USD
1/2/25103.7 ล้าน USD
1

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇮🇱
กระแสเงินทุน
15.108 ล้านล้าน USD971 ล้าน USDควอร์เตอร์
🇮🇱
การขายอาวุธ
1.159 ล้านล้าน SIPRI TIV870 ล้าน SIPRI TIVประจำปี
🇮🇱
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ
135.791 ล้านล้าน USD132.449 ล้านล้าน USDควอร์เตอร์
🇮🇱
การโอนเงิน
1.342 ล้านล้าน USD1.273 ล้านล้าน USDควอร์เตอร์
🇮🇱
เงื่อนไขการซื้อขาย
91.72 points90.75 pointsควอร์เตอร์
🇮🇱
ดัชนีการก่อการร้าย
8.143 Points5.489 Pointsประจำปี
🇮🇱
นำเข้า
7.32 ล้านล้าน USD6.673 ล้านล้าน USDรายเดือน
🇮🇱
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด
6.751 ล้านล้าน USD9.325 ล้านล้าน USDควอร์เตอร์
🇮🇱
ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า
108,300 96,500 รายเดือน
🇮🇱
ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
5 % of GDP3.9 % of GDPประจำปี
🇮🇱
ส่งออก
4.887 ล้านล้าน USD4.561 ล้านล้าน USDรายเดือน
🇮🇱
หนี้สินต่างประเทศ
154.69 ล้านล้าน USD155.212 ล้านล้าน USDควอร์เตอร์

อิสราเอลได้บันทึกการขาดดุลการค้ามาตั้งแต่ปี 1959 ส่วนใหญ่เนื่องจากขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ โดยสินค้านำเข้าหลักของอิสราเอลคือ น้ำมันและเชื้อเพลิงแร่ประเภทอื่น ๆ และเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ เพชรเจียระไน ไข่มุก และโลหะมีค่าและอัญมณีอื่น ๆ เครื่องจักรไฟฟ้าและอุปกรณ์ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คู่ค้าที่สำคัญของอิสราเอลคือตลาดสหรัฐอเมริกา (28 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกรวมและ 12 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้า) นอกจากนี้ยังมีเขตการค้าอื่น ๆ ได้แก่ ฮ่องกง, จีน, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี และสหราชอาณาจักร

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย

คืออะไร ดุลการค้า

ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว