ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇮🇳

อินเดีย ราคาผู้ผลิต

ราคา

153.9 คะแนน
การเปลี่ยนแปลง +/-
+0.4 คะแนน
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+0.26 %

ค่าปัจจุบันของ ราคาผู้ผลิต ใน อินเดีย คือ 153.9 คะแนน ราคาผู้ผลิต ใน อินเดีย เพิ่มขึ้นเป็น 153.9 คะแนน ในวันที่ 1/6/2567 หลังจากอยู่ที่ 153.5 คะแนน ในวันที่ 1/5/2567 ตั้งแต่ 1/4/2547 ถึง 1/7/2567 GDP เฉลี่ยใน อินเดีย คือ 106.34 คะแนน สถิติสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นในวันที่ 1/6/2565 ด้วย 155.4 คะแนน ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/4/2547 ด้วย 62.44 คะแนน

แหล่งที่มา: Office of the Economic Advisor, India

ราคาผู้ผลิต

  • แม็กซ์

ต้นทุนการผลิต

ราคาผู้ผลิต ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/6/2567153.9 คะแนน
1/5/2567153.5 คะแนน
1/4/2567153 คะแนน
1/3/2567151.4 คะแนน
1/2/2567151.2 คะแนน
1/1/2567151.2 คะแนน
1/12/2566151.8 คะแนน
1/11/2566153.1 คะแนน
1/10/2566152.5 คะแนน
1/9/2566151.8 คะแนน
1
2
3
4
5
...
25

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ราคาผู้ผลิต

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇮🇳
CPI Transport
170.6 points170.4 pointsรายเดือน
🇮🇳
WPI การผลิต เทียบรายปี
0.78 %-0.42 %รายเดือน
🇮🇳
WPI ต้นทุนเชื้อเพลิง YoY
1.35 %1.38 %รายเดือน
🇮🇳
การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต
1.31 %2.04 %รายเดือน
🇮🇳
ความคาดหวังเงินเฟ้อ
10 %10.1 %รายเดือน
🇮🇳
เงินเฟ้อด้านอาหาร
9.24 %5.66 %รายเดือน
🇮🇳
ดัชนีราคาของอาหาร WPI รายปี
3.26 %3.55 %รายเดือน
🇮🇳
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
193 points193 pointsรายเดือน
🇮🇳
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง
181.1 points180 pointsรายเดือน
🇮🇳
ตัวคูณ GDP
172.6 points170.2 pointsประจำปี
🇮🇳
ราคานำเข้า
157.3 points133.7 pointsประจำปี
🇮🇳
ราคาส่งออก
159.6 points143.8 pointsประจำปี
🇮🇳
อัตราเงินเฟ้อ
4.75 %4.83 %รายเดือน
🇮🇳
อัตราเงินเฟ้อ MoM
1.4 %1.33 %รายเดือน
🇮🇳
อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตรายเดือน
-0.451 %0.779 %รายเดือน

ในประเทศอินเดีย ดัชนีราคาขายส่ง (WPI) เป็นมาตรวัดหลักของภาวะเงินเฟ้อ WPI วัดราคาของสินค้าขายส่งที่เป็นตัวแทนประเภทของสินค้า ในประเทศอินเดีย ดัชนีราคาขายส่งถูกแบ่งเป็นสามกลุ่ม: สินค้าหลัก (22.6 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักรวม); เชื้อเพลิงและพลังงาน (13.2 เปอร์เซ็นต์); และสินค้าที่ผลิต (64.2 เปอร์เซ็นต์) ดัชนีอาหารจากกลุ่มสินค้าหลักและสินค้าที่ผลิตคิดเป็น 24.4 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักรวม องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของกลุ่มสินค้าที่ผลิต ได้แก่ โลหะพื้นฐาน (9.7 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักรวม); ผลิตภัณฑ์อาหาร (9.1 เปอร์เซ็นต์); สารเคมีและผลิตภัณฑ์เคมี (6.5 เปอร์เซ็นต์) และสิ่งทอ (4.9 เปอร์เซ็นต์) ในกลุ่มสินค้าหลัก องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือ สินค้าอาหาร (15.3 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่ในกลุ่มเชื้อเพลิงและพลังงาน หมวดหมู่ที่สำคัญที่สุดคือ HSD (3.1 เปอร์เซ็นต์)

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย

คืออะไร ราคาผู้ผลิต

ดัชนีราคาผู้ผลิต หรือ Producer Prices เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการที่ผลิตและจำหน่ายโดยผู้ผลิตในช่วงเวลาหนึ่ง ดัชนีนี้สะท้อนถึงสภาวะทางเศรษฐกิจภายในประเทศ และยังสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อในอนาคตขณะที่ผู้ผลิตเป็นฟันเฟืองสำคัญในการกำหนดราคาของสินค้าและบริการ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) จึงเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญต่อการทำความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับกลไกราคาและการเปลี่ยนแปลงในวงจรเศรษฐกิจ เว็บไซต์ Eulerpool เราเป็นแหล่งรวมข้อมูลด้านเศรษฐกิจมหภาคที่มีความมั่นคงและมีความน่าเชื่อถือสูง เมื่อพูดถึงดัชนีราคาผู้ผลิต สิ่งแรกที่ควรทราบคือ PPI มีการวัดเป็นเปอร์เซนต์การเปลี่ยนแปลงเดือนต่อเดือน หรือปีต่อปี ซึ่งข้อมูลนี้สามารถใช้ในการวิเคราะห์และพยากรณ์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดัชนีราคาผู้ผลิตประกอบด้วยหมวดหมู่ย่อยหลายประการ ได้แก่ การเกษตร อุตสาหกรรม การขนส่ง และการบริการ แต่ละหมวดหมู่นี้มีผลกระทบต่อ PPI โดยรวมแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ราคาผลผลิตด้านการเกษตรอาจมีความผันผวนมากเนื่องจากปัจจัยทางภูมิอากาศและปัจจัยทางนา ส่วนอุตสาหกรรมหนัก เช่น การผลิตเหล็กหรือเคมีภัณฑ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามราคาวัตถุดิบและการผลิต เพื่อให้ข้อมูลมีความแม่นยำสูง การวิเคราะห์ดัชนีราคาผู้ผลิตจำเป็นต้องมีการตรวจสอบปัจจัยหลายด้าน การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของ PPI มีผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตของผู้ผลิต และยังสามารถส่งผลกระทบต่อตลาดทุนได้ด้วย เมื่อราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตอาจมีความจำเป็นต้องเสริมกำลังทุนเพื่อรองรับต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงการกู้ยืมเงินมากขึ้น หรือปรับราคาเพิ่มขึ้นในตลาดปลายทาง ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบทางอ้อมผ่านการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ Eulerpool เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกและตัวชี้วัดที่ถูกต้องเกี่ยวกับดัชนีราคาผู้ผลิตผ่านการเก็บข้อมูลจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น สำนักงานสถิติแห่งชาติ และหน่วยงานต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเหล่านี้ผ่านกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องและวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อพิจารณาจากมุมมองการลงทุน ดัชนีราคาผู้ผลิตสามารถบ่งบอกถึงการขยายตัวหรือหดตัวของภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ การรู้เท่าทันข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น หาก PPI ในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นผู้ลงทุนในหุ้นกลุ่มวัตถุดิบอาจได้รับประโยชน์ ขณะที่ผู้ลงทุนในกลุ่มผู้บริโภคสุดท้ายอาจต้องระวังเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อการทำกำไร ในการวิเคราะห์ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิตนั้น นักเศรษฐศาสตร์ยังใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อคาดการณ์นโยบายการเงินและการคลังสำหรับอนาคต เช่น ธนาคารกลางอาจใช้ข้อมูล PPI ในการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหรือสินเชื่อ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ หรือรัฐบาลอาจใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการวางแผนนโยบายการคลัง เพื่อกระตุ้นภาคการผลิตให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภาวะเศรษฐกิจต่าง ๆ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ควรระลึกถึงคือดัชนีราคาผู้ผลิตสามารถเป็นตัวชี้วัดในการดูแลและจัดการเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ในบางกรณี การเพิ่มขึ้นของ PPI อาจบ่งบอกถึงการเกิดภาวะเงินเฟ้อเชิงค่าใช้จ่าย (Cost-push inflation) ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ ความผันผวนของ PPI อาจสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ เช่น การพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต หรือความสามารถในการเพิ่มมูลค่าของสินค้านำออก โดยรวมแล้ว การวิเคราะห์ PPI ต้องมองดูในหลายมิติ สุดท้ายนี้ เว็บไซต์ Eulerpool ยินดีที่จะนำเสนอข้อมูล PPI ที่ละเอียดและมีคุณภาพ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เราสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่ตรงตามเวลาจริงเพื่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ หรือภาครัฐ ข้อมูล PPI ของเราจะสามารถเป็นตัวชี้นำที่สำคัญในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายต่าง ๆ เราเชื่อว่า การทำความเข้าใจในดัชนีราคาผู้ผลิตจะสามารถนำไปสู่การเตรียมการที่ดีและการวางแผนที่มีประสิทธิภาพในทุกภาคเศรษฐกิจ และเว็บไซต์ Eulerpool พร้อมที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้งานทุกคน