ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ฮ่องกง หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ราคา
ค่าสภาพปัจจุบันของหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน ฮ่องกง คือ 95.9 % of GDP หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน ฮ่องกง ลดลงเป็น 95.9 % of GDP เมื่อ 1/6/2566 หลังจากที่เคยเป็น 96.1 % of GDP ใน 1/3/2566 ตั้งแต่ 1/12/2533 ถึง 1/9/2566 ค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเฉลี่ยใน ฮ่องกง อยู่ที่ 59.72 % of GDP ค่าสูงสุดตลอดกาลถึงในวันที่ 1/3/2566 กับ 96.1 % of GDP ในขณะที่ค่าสภาพต่ำสุดถูกบันทึกใน 1/12/2533 ด้วย 34.5 % of GDP
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ·
แม็กซ์
หนี้สินของครัวเรือนต่อ GDP | |
---|---|
1/12/2533 | 34.5 % of GDP |
1/3/2534 | 35.9 % of GDP |
1/6/2534 | 37.4 % of GDP |
1/9/2534 | 38.5 % of GDP |
1/12/2534 | 39.5 % of GDP |
1/3/2535 | 39.3 % of GDP |
1/6/2535 | 39.2 % of GDP |
1/9/2535 | 39.1 % of GDP |
1/12/2535 | 38.8 % of GDP |
1/3/2536 | 38.5 % of GDP |
1/6/2536 | 39.1 % of GDP |
1/9/2536 | 40.4 % of GDP |
1/12/2536 | 39.9 % of GDP |
1/3/2537 | 40.7 % of GDP |
1/6/2537 | 40.9 % of GDP |
1/9/2537 | 39.9 % of GDP |
1/12/2537 | 38.6 % of GDP |
1/3/2538 | 38.6 % of GDP |
1/6/2538 | 39.9 % of GDP |
1/9/2538 | 40.5 % of GDP |
1/12/2538 | 41.2 % of GDP |
1/3/2539 | 42 % of GDP |
1/6/2539 | 43.2 % of GDP |
1/9/2539 | 43.7 % of GDP |
1/12/2539 | 44.5 % of GDP |
1/3/2540 | 46.5 % of GDP |
1/6/2540 | 48.3 % of GDP |
1/9/2540 | 51.1 % of GDP |
1/12/2540 | 50.6 % of GDP |
1/3/2541 | 51.1 % of GDP |
1/6/2541 | 52.9 % of GDP |
1/9/2541 | 54.2 % of GDP |
1/12/2541 | 56 % of GDP |
1/3/2542 | 56.9 % of GDP |
1/6/2542 | 58.1 % of GDP |
1/9/2542 | 58.5 % of GDP |
1/12/2542 | 58.1 % of GDP |
1/3/2543 | 57.9 % of GDP |
1/6/2543 | 57.7 % of GDP |
1/9/2543 | 57.7 % of GDP |
1/12/2543 | 57.9 % of GDP |
1/3/2544 | 58.3 % of GDP |
1/6/2544 | 59.1 % of GDP |
1/9/2544 | 59.8 % of GDP |
1/12/2544 | 60.3 % of GDP |
1/3/2545 | 61 % of GDP |
1/6/2545 | 61.4 % of GDP |
1/9/2545 | 60.9 % of GDP |
1/12/2545 | 60.5 % of GDP |
1/3/2546 | 59.7 % of GDP |
1/6/2546 | 59.7 % of GDP |
1/9/2546 | 59.6 % of GDP |
1/12/2546 | 59.9 % of GDP |
1/3/2547 | 59.5 % of GDP |
1/6/2547 | 57.9 % of GDP |
1/9/2547 | 57.3 % of GDP |
1/12/2547 | 57.7 % of GDP |
1/3/2548 | 57.4 % of GDP |
1/6/2548 | 57 % of GDP |
1/9/2548 | 55.5 % of GDP |
1/12/2548 | 55 % of GDP |
1/3/2549 | 53.1 % of GDP |
1/6/2549 | 52.4 % of GDP |
1/9/2549 | 51.7 % of GDP |
1/12/2549 | 51.7 % of GDP |
1/3/2550 | 50.9 % of GDP |
1/6/2550 | 50.7 % of GDP |
1/9/2550 | 51 % of GDP |
1/12/2550 | 51.2 % of GDP |
1/3/2551 | 51.4 % of GDP |
1/6/2551 | 52 % of GDP |
1/9/2551 | 52 % of GDP |
1/12/2551 | 51.3 % of GDP |
1/3/2552 | 51.1 % of GDP |
1/6/2552 | 52.2 % of GDP |
1/9/2552 | 54.2 % of GDP |
1/12/2552 | 55.5 % of GDP |
1/3/2553 | 55.3 % of GDP |
1/6/2553 | 56.5 % of GDP |
1/9/2553 | 57.7 % of GDP |
1/12/2553 | 59.3 % of GDP |
1/3/2554 | 59.1 % of GDP |
1/6/2554 | 59.6 % of GDP |
1/9/2554 | 59.4 % of GDP |
1/12/2554 | 59.1 % of GDP |
1/3/2555 | 58.4 % of GDP |
1/6/2555 | 59.4 % of GDP |
1/9/2555 | 59.9 % of GDP |
1/12/2555 | 61.3 % of GDP |
1/3/2556 | 61.3 % of GDP |
1/6/2556 | 62.2 % of GDP |
1/9/2556 | 61.9 % of GDP |
1/12/2556 | 62.7 % of GDP |
1/3/2557 | 63.3 % of GDP |
1/6/2557 | 63.6 % of GDP |
1/9/2557 | 64.2 % of GDP |
1/12/2557 | 65.5 % of GDP |
1/3/2558 | 66.3 % of GDP |
1/6/2558 | 66.5 % of GDP |
1/9/2558 | 67 % of GDP |
1/12/2558 | 67.1 % of GDP |
1/3/2559 | 66.5 % of GDP |
1/6/2559 | 66.4 % of GDP |
1/9/2559 | 66.7 % of GDP |
1/12/2559 | 67.6 % of GDP |
1/3/2560 | 67.6 % of GDP |
1/6/2560 | 68.7 % of GDP |
1/9/2560 | 69.5 % of GDP |
1/12/2560 | 70.8 % of GDP |
1/3/2561 | 71.3 % of GDP |
1/6/2561 | 71.8 % of GDP |
1/9/2561 | 71.4 % of GDP |
1/12/2561 | 72.7 % of GDP |
1/3/2562 | 73.9 % of GDP |
1/6/2562 | 76.6 % of GDP |
1/9/2562 | 79.9 % of GDP |
1/12/2562 | 81.6 % of GDP |
1/3/2563 | 83.5 % of GDP |
1/6/2563 | 86.3 % of GDP |
1/9/2563 | 89.2 % of GDP |
1/12/2563 | 91.6 % of GDP |
1/3/2564 | 91.7 % of GDP |
1/6/2564 | 92 % of GDP |
1/9/2564 | 92.6 % of GDP |
1/12/2564 | 93.1 % of GDP |
1/3/2565 | 93.9 % of GDP |
1/6/2565 | 94.5 % of GDP |
1/9/2565 | 95 % of GDP |
1/12/2565 | 96 % of GDP |
1/3/2566 | 96.1 % of GDP |
1/6/2566 | 95.9 % of GDP |
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/6/2566 | 95.9 % of GDP |
1/3/2566 | 96.1 % of GDP |
1/12/2565 | 96 % of GDP |
1/9/2565 | 95 % of GDP |
1/6/2565 | 94.5 % of GDP |
1/3/2565 | 93.9 % of GDP |
1/12/2564 | 93.1 % of GDP |
1/9/2564 | 92.6 % of GDP |
1/6/2564 | 92 % of GDP |
1/3/2564 | 91.7 % of GDP |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇭🇰 การใช้จ่ายของผู้บริโภค | 486.91 ล้านล้าน HKD | 522.723 ล้านล้าน HKD | ควอร์เตอร์ |
🇭🇰 การออมส่วนบุคคล | 0.79 % | 0.79 % | รายเดือน |
🇭🇰 ยอดขายปลีกเดือนต่อเดือnego | 3.4 % | -6 % | รายเดือน |
🇭🇰 ยอดขายปลีกประจำปี | -12.9 % | -16.5 % | รายเดือน |
🇭🇰 ราคาน้ำมันเบนซิน | 3.24 USD/Liter | 3.21 USD/Liter | รายเดือน |
🇭🇰 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร | 5.88 % | 5.88 % | รายเดือน |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP (Households Debt to GDP) เป็นดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ระดับหนี้สินของครัวเรือนในแต่ละประเทศเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP หนี้สินครัวเรือนหมายถึงการติดหนี้ทั้งหลายของครัวเรือนเช่นการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน การกู้ยืมเพื่อการบริโภค และบัตรเครดิต เปรียบเทียบกับผลผลิตทั้งหมดในเชิงเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งๆ ในภาพรวม การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนเมื่อเทียบกับ GDP อาจเป็นสัญญาณของหลายสิ่งหลายอย่างทั้งดีและไม่ดี สำหรับประเด็นดี การมีหนี้สินในระดับที่เหมาะสมสามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจด้วยการสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าทุน เช่น บ้านและรถยนต์ หรือการบริโภคในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม การมีหนี้สินครัวเรือนสูงเมื่อเทียบกับ GDP อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโดยรวม ความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนอาจลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินและการบริโภคสาธารณะ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากครัวเรือนมีภาระหนี้สินที่สูงเกินไป การวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ประการแรกคือระดับรายได้ของครัวเรือน หากรายได้ของครัวเรือนสูง การมีหนี้สินที่สูงก็อาจไม่เป็นปัญหาเท่าไร ประการที่สองคืออัตราดอกเบี้ย การกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำอาจทำให้ภาระหนี้สินของครัวเรือนดูไม่สูงเท่าที่คิด แต่หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้นภาระการชำระหนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยด้านความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานและความเสถียรของตลาดแรงงาน หากตลาดแรงงานมีเสถียรภาพสูงและอัตราการว่างงานต่ำ ครัวเรือนจะมีความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น ซึ่งทำให้หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ไม่เป็นปัญหามากนัก ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจชะลอตัวหรือมีความไม่แน่นอนสูง ครัวเรือนอาจพบว่าการชำระหนี้เป็นภาระหนักขึ้น ภายในบริบทของประเทศไทย ข้อมูลเรื่องหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนในอดีตแสดงให้เห็นถึงความต้องการการบริโภคและการกู้ยืมเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ทุน เช่นที่อยู่อาศัย แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงหากครัวเรือนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด หนี้สินครัวเรือนที่สูงอาจทำให้ครัวเรือนลดทอนการบริโภค ซึ่งอาจส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องมีมาตรการติดตามและควบคุมระดับหนี้สินครัวเรือนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายทางการเงิน เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ได้เพื่อลดภาระการชำระหนี้ของครัวเรือน และส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจคือการวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนในเชิงภูมิภาค การเปรียบเทียบหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ในแต่ละภูมิภาคสามารถเปิดเผยถึงแนวโน้มและปัจจัยเฉพาะที่มีผลต่อการกู้ยืม เช่น ค่าครองชีพและมูลค่าทรัพย์สินในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่างกัน ในยุคดิจิทัล การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงลึกกลายเป็นเรื่องที่สะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น เว็บไซต์เช่น eulerpool ซึ่งเชี่ยวชาญในการให้ข้อมูลทางแมโครเศรษฐกิจ สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การที่ข้อมูลนี้สามารถถูกวิเคราะห์และนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายจะช่วยให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจสามารถทำการตัดสินใจที่มีพื้นฐานจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การมีความรู้และการเข้าใจในแนวโน้มของหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการเงินและการลงทุนในระดับบุคคล การทำความเข้าใจถึงระดับหนี้สินของครัวเรือนในประเทศจะช่วยให้บุคคลสามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการเงินได้ดีขึ้น โดยสรุป หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP เป็นดัชนีที่มีผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย การติดตามระดับหนี้สินครัวเรือน การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบ และการใช้นโยบายทางการเงินที่เหมาะสมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและทันสมัยเช่นข้อมูลที่นำเสนอโดย eulerpool จะเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ