ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇧🇴

โบลิเวีย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร

ราคา

6.48 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
+0.03 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+0.46 %

มูลค่าปัจจุบันของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารใน โบลิเวีย คือ 6.48 % อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารใน โบลิเวีย เพิ่มขึ้นเป็น 6.48 % ในวันที่ 1/4/2567 หลังจากที่เคยอยู่ที่ 6.45 % ในวันที่ 1/3/2567 จากวันที่ 1/1/2544 ถึงวันที่ 1/5/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน โบลิเวีย คือ 8.42 % มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถูกบันทึกในวันที่ 1/5/2545 ที่ 23.85 % ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/2/2554 ที่ 4.62 %

แหล่งที่มา: Banco Central de Bolivia

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร

  • แม็กซ์

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/4/25676.48 %
1/3/25676.45 %
1/2/25676.38 %
1/1/25676.4 %
1/12/25666.33 %
1/11/25666.47 %
1/10/25666.36 %
1/9/25666.57 %
1/8/25666.47 %
1/7/25666.59 %
1
2
3
4
5
...
28

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇧🇴
การใช้จ่ายของผู้บริโภค
8.876 ล้านล้าน BOB10.868 ล้านล้าน BOBควอร์เตอร์
🇧🇴
ราคาน้ำมันเบนซิน
0.54 USD/Liter0.54 USD/Literรายเดือน

ในโบลิเวีย อัตราดอกเบี้ยของธนาคาร คืออัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บสำหรับการกู้ยืมระยะสั้นในสกุลเงินท้องถิ่นแก่บริษัทต่างๆ

คืออะไร อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญในทางเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จัดเป็นเครื่องมือหลักที่ธนาคารกลางใช้งานในการควบคุมทางการเงินและเศรษฐกิจในภาพรวม ความสำคัญของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารสามารถสะท้อนถึงสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ การมีเพิ่มหรือลดของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สามารถส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจและครัวเรือน ในประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือที่รู้จักกันเรียกกันสั้นๆว่า ธปท. (Bank of Thailand) เป็นหน่วยงานหลักในกำกับดูแลและตั้งกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เป้าหมายหลักของการกำกับดูแลอัตราดอกเบี้ยนี้ คือการรักษาเสถียรภาพของภาวะเงินเฟ้อ และส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของนโยบายทางการเงินที่มีความยืดหยุ่น โดยใช้เป็นเครื่องมือในการปรับความใหญ่เล็กของปริมาณเงินที่อยู่ในระบบการเงิน การปรับเพิ่มหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นมีผลกระทบในหลายด้าน ถ้าธนาคารกลางตัดสินใจที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การกู้เงินจะสามารถทำได้ยากขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายสูงขึ้น นี้อาจส่งผลให้การใช้จ่ายทีจะเป็นการลงทุนของภาคธุรกิจลดน้อยลงและทำให้การใช้จ่ายของประชาชนในชีวิตประจำวันลดลงเช่นกัน ตรงกันข้ามหากธนาคารกลางตัดสินใจที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การกู้เงินจะง่ายขึ้นเพราะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง นี้จะสนับสนุนการลงทุนของภาคธุรกิจและเพิ่มการใช้จ่ายของครัวเรือน ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะยาว ยิ่งกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นยังมักจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น ตลาดเงิน และตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เช่น หากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น อาจทำให้นักลงทุนย้ายเงินลงทุนจากตลาดหุ้นมาตลาดเงินเพราะจะได้รับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น จึงทำให้ราคาหุ้นลดลง และหากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงก็อาจทำให้ตลาดหุ้นน่าสนใจมากขึ้นเพราะอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าใช้กันสูงขึ้น ด้านครัวเรือน การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อลูกหนี้ เช่น การจำนองที่อยู่อาศัย หากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งอาจทำให้ครัวเรือนบางครัวเรือนประสบปัญหาทางการเงิน การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะมีผลต่อการลดภาระดอกเบี้ย ทำให้รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นและมีเงินเหลือเพื่อใช้ในทางอื่น เป็นที่เห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นมีความสำคัญอย่างมากในสภาพเศรษฐกิจมหภาค แต่ต้องระมัดระวังในการใช้นโยบายนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่เร็วหรือรุนแรงเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจไม่สมดุลและเกิดความผันผวน ดังนั้นการเข้าใจและติดตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ รวมถึงภาคธุรกิจและครัวเรือน ที่ eulerpool เราให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ค่านิยมในตลาด รวมถึงการพยากรณ์ทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อให้ผู้ใช้งานของเราได้รับข้อมูลที่แม่นยำและเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจการลงทุนและวางแผนทางการเงิน เพื่อสรุปให้เข้าใจง่ายขึ้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารไม่เพียงแต่เป็นตัวะี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีอิทธิพลในการควบคุมและรักษาเสถียรภาพทางการเงิน การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สามารถมีผลกระทบในนามต่างๆ ไม่ว่าเป็นต่อภาคธุรกิจ ครัวเรือน หรือตลาดการเงิน การติดตามข้อมูลและเข้าใจพลวัตทางเศรษฐกิจนี้อย่างใกล้ชิดจะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ