ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร แอลจีเรีย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน แอลจีเรีย คือ 190 ล้าน USD การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน แอลจีเรีย ลดลงเหลือ 190 ล้าน USD ณ วันที่ 1/6/2566 หลังจากที่เคยอยู่ที่ 220 ล้าน USD เมื่อวันที่ 1/3/2566 จาก 1/12/2544 ถึง 1/9/2566 ค่า GDP เฉลี่ยใน แอลจีเรีย คือ 413.06 ล้าน USD โดยมูลค่าสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 1/12/2553 ที่ 1.77 ล้านล้าน USD ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้ ณ วันที่ 1/3/2558 ที่ -2.12 ล้านล้าน USD
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ·
แม็กซ์
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | |
---|---|
1/12/2544 | 1.18 ล้านล้าน USD |
1/12/2545 | 970 ล้าน USD |
1/12/2546 | 620 ล้าน USD |
1/12/2547 | 620 ล้าน USD |
1/12/2548 | 1.06 ล้านล้าน USD |
1/12/2549 | 1.76 ล้านล้าน USD |
1/3/2550 | 210 ล้าน USD |
1/6/2550 | 270 ล้าน USD |
1/9/2550 | 520 ล้าน USD |
1/12/2550 | 480 ล้าน USD |
1/3/2551 | 590 ล้าน USD |
1/6/2551 | 490 ล้าน USD |
1/9/2551 | 240 ล้าน USD |
1/12/2551 | 990 ล้าน USD |
1/3/2552 | 350 ล้าน USD |
1/6/2552 | 340 ล้าน USD |
1/9/2552 | 420 ล้าน USD |
1/12/2552 | 1.26 ล้านล้าน USD |
1/6/2553 | 1.7 ล้านล้าน USD |
1/9/2553 | 490 ล้าน USD |
1/12/2553 | 1.77 ล้านล้าน USD |
1/3/2554 | 670 ล้าน USD |
1/6/2554 | 780 ล้าน USD |
1/9/2554 | 580 ล้าน USD |
1/3/2555 | 450 ล้าน USD |
1/6/2555 | 370 ล้าน USD |
1/9/2555 | 340 ล้าน USD |
1/12/2555 | 510 ล้าน USD |
1/3/2556 | 520 ล้าน USD |
1/6/2556 | 280 ล้าน USD |
1/9/2556 | 840 ล้าน USD |
1/12/2556 | 320 ล้าน USD |
1/3/2557 | 410 ล้าน USD |
1/6/2557 | 350 ล้าน USD |
1/9/2557 | 370 ล้าน USD |
1/12/2557 | 410 ล้าน USD |
1/6/2558 | 790 ล้าน USD |
1/9/2558 | 260 ล้าน USD |
1/12/2558 | 380 ล้าน USD |
1/3/2559 | 340 ล้าน USD |
1/6/2559 | 490 ล้าน USD |
1/9/2559 | 430 ล้าน USD |
1/12/2559 | 330 ล้าน USD |
1/3/2560 | 280 ล้าน USD |
1/6/2560 | 330 ล้าน USD |
1/9/2560 | 290 ล้าน USD |
1/12/2560 | 350 ล้าน USD |
1/3/2561 | 360 ล้าน USD |
1/6/2561 | 240 ล้าน USD |
1/9/2561 | 350 ล้าน USD |
1/3/2562 | 270 ล้าน USD |
1/6/2562 | 270 ล้าน USD |
1/9/2562 | 340 ล้าน USD |
1/12/2562 | 310 ล้าน USD |
1/3/2563 | 190 ล้าน USD |
1/6/2563 | 210 ล้าน USD |
1/9/2563 | 410 ล้าน USD |
1/12/2563 | 230 ล้าน USD |
1/3/2564 | 220 ล้าน USD |
1/6/2564 | 160 ล้าน USD |
1/9/2564 | 310 ล้าน USD |
1/12/2564 | 150 ล้าน USD |
1/3/2565 | 150 ล้าน USD |
1/6/2565 | 220 ล้าน USD |
1/12/2565 | 200 ล้าน USD |
1/3/2566 | 220 ล้าน USD |
1/6/2566 | 190 ล้าน USD |
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/6/2566 | 190 ล้าน USD |
1/3/2566 | 220 ล้าน USD |
1/12/2565 | 200 ล้าน USD |
1/6/2565 | 220 ล้าน USD |
1/3/2565 | 150 ล้าน USD |
1/12/2564 | 150 ล้าน USD |
1/9/2564 | 310 ล้าน USD |
1/6/2564 | 160 ล้าน USD |
1/3/2564 | 220 ล้าน USD |
1/12/2563 | 230 ล้าน USD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇩🇿 การผลิตน้ำมันดิบ | 909 BBL/D/1K | 906 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇩🇿 ดัชนีการก่อการร้าย | 2.197 Points | 4.083 Points | ประจำปี |
🇩🇿 ทองคำสำรอง | 173.56 Tonnes | 173.56 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇩🇿 นำเข้า | 10.58 ล้านล้าน USD | 10.695 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇩🇿 ยอดการค้า | 3.79 ล้านล้าน USD | 2.338 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇩🇿 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | 2.23 ล้านล้าน USD | 910 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇩🇿 ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า | 3.3 ล้าน | 125,000 | ประจำปี |
🇩🇿 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | 2.9 % of GDP | 9.8 % of GDP | ประจำปี |
🇩🇿 รายได้จากการท่องเที่ยว | 219 ล้าน USD | 79 ล้าน USD | ประจำปี |
🇩🇿 ส่งออก | 14.37 ล้านล้าน USD | 13.032 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇩🇿 หนี้สินต่างประเทศ | 3.114 ล้านล้าน USD | 3.209 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน แอฟริกา
- 🇦🇴แองโกลา
- 🇧🇯เบนิน
- 🇧🇼บอตสวานา
- 🇧🇫บูร์กินาฟาโซ
- 🇧🇮บุรุนดี
- 🇨🇲กาเมอรูน
- 🇨🇻คาบูเวิร์เด
- 🇨🇫สาธารณรัฐแอฟริกากลาง
- 🇹🇩ชาด
- 🇰🇲โคมอรอส
- 🇨🇬คองโก
- 🇿🇦แอฟริกาใต้
- 🇩🇯จิบูตี
- 🇪🇬อียิปต์
- 🇬🇶อิเควทอเรียลกินี
- 🇪🇷เอริเทรีย
- 🇪🇹เอธิโอเปีย
- 🇬🇦กาบอง
- 🇬🇲แกมเบีย
- 🇬🇭กานา
- 🇬🇳กินี
- 🇬🇼กินี-บิสเซา
- 🇨🇮ไอวอรีโคสต์
- 🇰🇪เคนยา
- 🇱🇸เลโซโท
- 🇱🇷ไลบีเรีย
- 🇱🇾ลิเบีย
- 🇲🇬มาดากัสการ์
- 🇲🇼มาลาวี
- 🇲🇱มาลี
- 🇲🇷มอริเตเนีย
- 🇲🇺มอริเชียส
- 🇲🇦โมร็อกโก
- 🇲🇿โมซัมบิก
- 🇳🇦นามิเบีย
- 🇳🇪ไนเจอร์
- 🇳🇬ไนจีเรีย
- 🇷🇼รวันดา
- 🇸🇹เซาตูเมและปรินซิปี
- 🇸🇳เซเนกัล
- 🇸🇨เซเชล
- 🇸🇱เซียร์ราลีโอน
- 🇸🇴โซมาเลีย
- ซูดานใต้
- 🇸🇩ซูดาน
- 🇸🇿สวาซิแลนด์
- 🇹🇿แทนซาเนีย
- 🇹🇬โตโก
- 🇹🇳ตูนิเซีย
- 🇺🇬ยูกันดา
- 🇿🇲แซมเบีย
- 🇿🇼ซิมบับเว
คืออะไร การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญในด้านเศรษฐกิจมหภาคที่มีบทบาทสำคัญต่อนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในปัจจุบัน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีความหมายถึงการลงทุนโดยหน่วยงานหรือบุคคลจากประเทศหนึ่งเข้าไปลงทุนในกิจการของประเทศอื่น โดยมีการถือหุ้นหรือสิทธิ์ในการบริหารจัดการกิจการนั้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งต่างกับการลงทุนทางการเงินที่เน้นการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อหากำไรในระยะสั้น ปัจจัยที่ทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีความสำคัญมากในระบบเศรษฐกิจมหภาค ประเทศที่ได้รับการลงทุนจากต่างประเทศมักจะได้รับประโยชน์ทั้งในด้านการเพิ่มพูนทุนทรัพย์สิน การสร้างงานใหม่ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเพิ่มผลผลิต ผู้ลงทุนต่างประเทศมักจะมองหาสิ่งที่พวกเขาสามารถได้รับจากการลงทุน เช่น ผลตอบแทนที่สูงขึ้น การกระจายความเสี่ยง การเข้าถึงแหล่งทรัพยากร หรือการขยายตลาดใหม่ ซึ่งทุกปัจจัยเหล่านี้มีผลกับการตัดสินใจทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค ในมุมมองของประเทศที่รับการลงทุน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ นักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนชี้ว่า FDI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ผ่านการนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ นอกจากนั้น การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศยังสามารถช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน โรงงาน และระบบสื่อสาร ซึ่งจะช่วยให้ภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจสามารถขยับขยายและพัฒนาได้เร็วขึ้น อีกประเด็นที่สำคัญคือผลกระทบต่อการว่างงาน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมักจะนำไปสู่การสร้างงานใหม่ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เมื่อมีการสร้างงานใหม่ขึ้น ไม่เพียงแต่จะช่วยลดอัตราการว่างงาน แต่ยังช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศที่มากขึ้น การใช้จ่ายนี้เองจะนำไปสู่การหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพและสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอันยั่งยืน สำหรับประเทศไทย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศถือเป็นแหล่งทุนที่สำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตและพัฒนาต่อไปได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนโยบายที่เปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รัฐบาลไทยได้มีการออกกฎหมายและนโยบายที่ส่งเสริมและสร้างความเอื้อต่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษี การให้สิทธิเข้าถึงทรัพยากรอย่างเป็นธรรม และการส่งเสริมการลงทุนในคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้ ยังมีการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zones หรือ SEZ) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการให้สิทธิพิเศษในการลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ เขตเศรษฐกิจพิเศษเหล่านี้มักจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมให้บริการ การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนและสามารถลดความเสี่ยงในระดับหนึ่ง เมื่อพูดถึงปัจจัยที่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทย มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ความเป็นกลางทางการเมือง ศักยภาพทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานที่เติบโต และการเปิดเสรีทางการค้าเป็นเพียงบางส่วนของปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายการลงทุนที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม การมีนโยบายที่ชัดเจนและความโปร่งใสในการบริหารจัดการเป็นสิ่งที่จะไม่สามารถละเลยได้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทยไม่ได้มีเพียงแต่ผลบวกเท่านั้น ยังมีผลกระทบบางประการที่ต้องระมัดระวัง เช่น การเข้าไปควบคุมกิจการที่อาจจะผูกขาดตลาด หรือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินกว่าความจำเป็น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การลงทุนเหล่านี้มีประโยชน์สูงสุดแก่เศรษฐกิจและประชาชนในประเทศ นอกจากนี้ การพัฒนาเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่มีความสามารถเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญในการรับมือกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การมีบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถสูงจะทำให้ประเทศมีโอกาสในการเจรจาและบริหารจัดการการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการพัฒนาทางทักษะที่คงอยู่และลดการพึ่งพาทรัพยากรจากต่างประเทศ สุดท้ายนี้ การมีข้อมูลครบถ้วนและเชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เว็บไซต์ eulerpool ของเราเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ในการนำเสนอข้อมูลด้านเศรษฐกิจมหภาค ทีมงานของเรามุ่งมั่นในการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน และถูกต้องที่สุดเพื่อช่วยให้นักลงทุนและผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นหนึ่งในเครื่องหมายที่จะบอกถึงสุขภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นการทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อให้เราสามารถอยู่รอดและเติบโตในโลกเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว