ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร อารูบา การนำเข้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของการนำเข้าในอารูบาคือ679.3 ล้านAWG การนำเข้าในอารูบาลดลงมาที่679.3 ล้านAWGเมื่อวันที่1/3/2567 หลังจากที่เคยอยู่ที่734.5 ล้านAWGเมื่อวันที่1/12/2566 จากช่วง1/3/2543ถึง1/6/2567, GDP เฉลี่ยในอารูบาอยู่ที่508.69 ล้านAWG ค่าอยู่ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นเมื่อ1/12/2565ด้วย796 ล้านAWG, ในขณะที่ค่าที่ต่ำที่สุดถูกบันทึกไว้เมื่อ1/6/2563ด้วย309.2 ล้านAWG
การนำเข้า ·
แม็กซ์
นำเข้า | |
---|---|
1/3/2543 | 378.3 ล้าน AWG |
1/6/2543 | 350.9 ล้าน AWG |
1/9/2543 | 373.1 ล้าน AWG |
1/12/2543 | 392.8 ล้าน AWG |
1/3/2544 | 332.4 ล้าน AWG |
1/6/2544 | 344.1 ล้าน AWG |
1/9/2544 | 377.6 ล้าน AWG |
1/12/2544 | 442.7 ล้าน AWG |
1/3/2545 | 338 ล้าน AWG |
1/6/2545 | 343.9 ล้าน AWG |
1/9/2545 | 386.9 ล้าน AWG |
1/12/2545 | 440 ล้าน AWG |
1/3/2546 | 332.4 ล้าน AWG |
1/6/2546 | 348 ล้าน AWG |
1/9/2546 | 403.7 ล้าน AWG |
1/12/2546 | 431.4 ล้าน AWG |
1/3/2547 | 370.5 ล้าน AWG |
1/6/2547 | 364.6 ล้าน AWG |
1/9/2547 | 364.4 ล้าน AWG |
1/12/2547 | 466.6 ล้าน AWG |
1/3/2548 | 390.5 ล้าน AWG |
1/6/2548 | 420.4 ล้าน AWG |
1/9/2548 | 448.9 ล้าน AWG |
1/12/2548 | 581.2 ล้าน AWG |
1/3/2549 | 497.2 ล้าน AWG |
1/6/2549 | 429.7 ล้าน AWG |
1/9/2549 | 450 ล้าน AWG |
1/12/2549 | 487 ล้าน AWG |
1/3/2550 | 495.3 ล้าน AWG |
1/6/2550 | 460.7 ล้าน AWG |
1/9/2550 | 478.5 ล้าน AWG |
1/12/2550 | 559.4 ล้าน AWG |
1/3/2551 | 523 ล้าน AWG |
1/6/2551 | 430.6 ล้าน AWG |
1/9/2551 | 541.7 ล้าน AWG |
1/12/2551 | 535 ล้าน AWG |
1/3/2552 | 514.5 ล้าน AWG |
1/6/2552 | 453.4 ล้าน AWG |
1/9/2552 | 559.5 ล้าน AWG |
1/12/2552 | 529.2 ล้าน AWG |
1/3/2553 | 438.7 ล้าน AWG |
1/6/2553 | 443.2 ล้าน AWG |
1/9/2553 | 445.4 ล้าน AWG |
1/12/2553 | 586.2 ล้าน AWG |
1/3/2554 | 569 ล้าน AWG |
1/6/2554 | 529.6 ล้าน AWG |
1/9/2554 | 554.6 ล้าน AWG |
1/12/2554 | 642.8 ล้าน AWG |
1/3/2555 | 533.7 ล้าน AWG |
1/6/2555 | 521.4 ล้าน AWG |
1/9/2555 | 553.1 ล้าน AWG |
1/12/2555 | 642.7 ล้าน AWG |
1/3/2556 | 552.4 ล้าน AWG |
1/6/2556 | 567.6 ล้าน AWG |
1/9/2556 | 545.4 ล้าน AWG |
1/12/2556 | 666.9 ล้าน AWG |
1/3/2557 | 530.6 ล้าน AWG |
1/6/2557 | 518 ล้าน AWG |
1/9/2557 | 565.1 ล้าน AWG |
1/12/2557 | 644.5 ล้าน AWG |
1/3/2558 | 513.9 ล้าน AWG |
1/6/2558 | 484.9 ล้าน AWG |
1/9/2558 | 529.2 ล้าน AWG |
1/12/2558 | 558.3 ล้าน AWG |
1/3/2559 | 460.4 ล้าน AWG |
1/6/2559 | 469.1 ล้าน AWG |
1/9/2559 | 505.4 ล้าน AWG |
1/12/2559 | 588 ล้าน AWG |
1/3/2560 | 505.9 ล้าน AWG |
1/6/2560 | 502.9 ล้าน AWG |
1/9/2560 | 503.1 ล้าน AWG |
1/12/2560 | 626.5 ล้าน AWG |
1/3/2561 | 540.7 ล้าน AWG |
1/6/2561 | 547.3 ล้าน AWG |
1/9/2561 | 561.4 ล้าน AWG |
1/12/2561 | 598.8 ล้าน AWG |
1/3/2562 | 534.2 ล้าน AWG |
1/6/2562 | 557.7 ล้าน AWG |
1/9/2562 | 583.2 ล้าน AWG |
1/12/2562 | 676.7 ล้าน AWG |
1/3/2563 | 509.5 ล้าน AWG |
1/6/2563 | 309.2 ล้าน AWG |
1/9/2563 | 422.4 ล้าน AWG |
1/12/2563 | 438.7 ล้าน AWG |
1/3/2564 | 397.7 ล้าน AWG |
1/6/2564 | 486.7 ล้าน AWG |
1/9/2564 | 585.5 ล้าน AWG |
1/12/2564 | 621.9 ล้าน AWG |
1/3/2565 | 565.1 ล้าน AWG |
1/6/2565 | 605.3 ล้าน AWG |
1/9/2565 | 672.3 ล้าน AWG |
1/12/2565 | 796 ล้าน AWG |
1/3/2566 | 659.4 ล้าน AWG |
1/6/2566 | 694.7 ล้าน AWG |
1/9/2566 | 662 ล้าน AWG |
1/12/2566 | 734.5 ล้าน AWG |
1/3/2567 | 679.3 ล้าน AWG |
การนำเข้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/3/2567 | 679.3 ล้าน AWG |
1/12/2566 | 734.5 ล้าน AWG |
1/9/2566 | 662 ล้าน AWG |
1/6/2566 | 694.7 ล้าน AWG |
1/3/2566 | 659.4 ล้าน AWG |
1/12/2565 | 796 ล้าน AWG |
1/9/2565 | 672.3 ล้าน AWG |
1/6/2565 | 605.3 ล้าน AWG |
1/3/2565 | 565.1 ล้าน AWG |
1/12/2564 | 621.9 ล้าน AWG |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ การนำเข้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇦🇼 ทองคำสำรอง | 3.11 Tonnes | 3.11 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇦🇼 ยอดการค้า | -693.59 ล้าน AWG | -632.1 ล้าน AWG | ควอร์เตอร์ |
🇦🇼 ส่งออก | 51.15 ล้าน AWG | 47.2 ล้าน AWG | ควอร์เตอร์ |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน อเมริกา
- 🇦🇷อาร์เจนตินา
- 🇧🇸บาฮามาส
- 🇧🇧บาร์เบโดส
- 🇧🇿เบลิซ
- 🇧🇲เบอร์มิวดา
- 🇧🇴โบลิเวีย
- 🇧🇷บราซิล
- 🇨🇦แคนาดา
- 🇰🇾หมู่เกาะเคย์แมน
- 🇨🇱ชิลี
- 🇨🇴โคลอมเบีย
- 🇨🇷คอสตาริกา
- 🇨🇺คิวบา
- 🇩🇴สาธารณรัฐโดมินิกัน
- 🇪🇨เอกวาดอร์
- 🇸🇻เอลซัลวาดอร์
- 🇬🇹กัวเตมาลา
- 🇬🇾กายอานา
- 🇭🇹ไฮติ
- 🇭🇳ฮอนดูรัส
- 🇯🇲จาไมก้า
- 🇲🇽เม็กซิโก
- 🇳🇮นิการากัว
- 🇵🇦ปานามา
- 🇵🇾ปารากวัย
- 🇵🇪เปรู
- 🇵🇷เปอร์โตริโก
- 🇸🇷ซูรินาม
- 🇹🇹ตรินิแดดและโตเบโก
- 🇺🇸สหรัฐอเมริกา
- 🇺🇾อุรุกวัย
- 🇻🇪เวเนซุเอลา
- 🇦🇬แอนติกาและบาร์บูดา
- 🇩🇲โดมินิกา
- 🇬🇩เกรนาดา
คืออะไร การนำเข้า
การนำเข้า การนำเข้าถือเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งของเศรษฐกิจมหภาค และเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีผลกระทบสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในระดับประเทศ การนำเข้าหมายถึงการที่ประเทศหนึ่งมีการซื้อสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการผลิตหรือจำหน่ายต่อ การนำเข้ามีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากสามารถเติมเต็มความต้องการของตลาดภายในประเทศที่ขาดแคลน หรือไม่ได้ผลิตขึ้นในประเทศนั้นๆ การนำเข้ามีผลกระทบที่หลายหลายต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งในทางบวกและทางลบ ทางด้านบวก การนำเข้าสามารถช่วยให้ประชาชนมีการเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีส่วนช่วยในการยกระดับมาตรฐานการครองชีพ เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยให้การผลิตของประเทศเกิดการพัฒนาและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ ในทางกลับกัน การนำเข้าก็อาจมีผลกระทบทางลบ เช่น การทำให้เกิดการเสริมสร้างภาระทางการเงินภายนอกของประเทศมากขึ้น หรือส่งผลกระทบให้เกิดการขาดดุลทางการค้า สินค้าภายในประเทศอาจไม่ได้รับการสนับสนุนหรือได้รับการพัฒนาที่เพียงพอหากพึ่งพาการนำเข้ามากเกินไป สำหรับประเทศไทย สินค้านำเข้ามีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทุน (capital goods) ที่ใช้ในการผลิต อุปกรณ์เทคโนโลยี เครื่องจักรต่างๆ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค (consumer goods) เช่นอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าแฟชั่น และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ การนำเข้าเหล่านี้สามารถช่วยยกระดับมาตรฐานของการผลิตในประเทศได้ การนำเข้ายังสามารถชี้วัดถึงสุขภาพของเศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อระดับการนำเข้าสูงมากๆ อาจบ่งบอกถึงการที่ภาคธุรกิจต้องการขยายการผลิต ซึ่งจะใช้วัตถุดิบนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิต อย่างไรก็ตาม ก็อาจต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ร่วมด้วย เช่น ภาวะทางการเงินภายนอก ค่าเงิน อัตราภาษีศุลกากร และนโยบายการค้าต่างประเทศ ที่ eulerpool เว็บไซต์ของเรามุ่งมั่นในการจัดเตรียมข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ครอบคลุมและแม่นยำที่สุด เพื่อที่จะช่วยให้นักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ นักวิจัย หรือผู้ที่สนใจในข้อมูลด้านเศรษฐกิจสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจ เว็บไซต์ของเราจะมีการอัปเดตข้อมูลการนำเข้าของประเทศไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งในแง่มูลค่าการนำเข้า ปริมาณการนำเข้า และประเภทสินค้านำเข้า ในปัจจุบัน ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างประเทศต่างๆ ได้ทำให้การนำเข้าเป็นปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้ การเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่ง สามารถส่งผลกระทบต่อการนำเข้าของประเทศอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว การเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มของการนำเข้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ตัวอย่างหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาษีศุลกากร ซึ่งสามารถส่งผลต่อปริมาณสินค้าที่นำเข้าได้โดยตรง การที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการนำเข้าในบางภาคส่วนหรือสินค้าบางประเภทโดยเฉพาะก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนนั้น การนำเข้ายังมีบทบาทสำคัญในด้านของการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ ประเทศที่ยังมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างไม่เต็มที่อาจต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบ เทคโนโลยี หรือเครื่องจักรจากต่างประเทศ การนำเข้าเหล่านี้จะช่วยให้กระบวนการผลิตภายในประเทศเติบโตมากขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ สำหรับประเทศไทย การนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสินค้าส่งออกที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจโลกและความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศก็มีผลกระทบต่อการนำเข้าเช่นกัน การเกิดสงครามการค้า หรือการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของประเทศคู่ค้า อาจทำให้การนำเข้าสินค้าจากประเทศนั้นๆ ประสบปัญหา สิ่งนี้ทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนต้องมีการวางแผนและพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศใดประเทศหนึ่ง การทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความยั่งยืนในระยะยาวจำเป็นต้องมีการจัดการและควบคุมการนำเข้าอย่างมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการผลิตของประเทศและเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ สรุปแล้ว การนำเข้าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินเศรษฐกิจของประเทศ สามารถสร้างโอกาสในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการผลิตภายในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการนำเข้าและการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ eulerpool ของเรายังคงยึดมั่นในการจัดเตรียมข้อมูลที่มีคุณภาพและทันสมัย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์และสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจได้ต่อไป