บาห์เรน อัตราดอกเบี้ยรีเวิร์สรีโป
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของอัตราดอกเบี้ยรีเวิร์สรีโปในบาห์เรนอยู่ที่5% อัตราดอกเบี้ยรีเวิร์สรีโปในบาห์เรนลดลงมาอยู่ที่5%เมื่อวันที่1/7/2568 หลังจากที่เคยอยู่ที่5%เมื่อวันที่1/6/2568 ตั้งแต่1/1/2552ถึง1/7/2568ค่าเฉลี่ย GDP ในบาห์เรนอยู่ที่1.59% จุดสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่6%เมื่อวันที่1/7/2566 ขณะที่มูลค่าต่ำสุดอยู่ที่0.25%เมื่อวันที่1/1/2552
อัตราดอกเบี้ยรีเวิร์สรีโป
แม็กซ์
อัตราดอกเบี้ยรีเวิร์สรีโป ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/7/2568 | 5 % |
1/6/2568 | 5 % |
1/5/2568 | 5 % |
1/4/2568 | 5 % |
1/3/2568 | 5 % |
1/2/2568 | 5 % |
1/1/2568 | 5 % |
1/12/2567 | 5 % |
1/11/2567 | 5.25 % |
1/10/2567 | 5.5 % |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราดอกเบี้ยรีเวิร์สรีโป
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇧🇭 การเติบโตของเครดิต | -0.1 % | 0.1 % | รายเดือน |
🇧🇭 เครดิตสำหรับภาคเอกชน | 5.363 ล้านล้าน BHD | 5.377 ล้านล้าน BHD | รายเดือน |
🇧🇭 งบดุลของธนาคาร | 252.348 ล้านล้าน USD | 245.559 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇧🇭 งบดุลของธนาคารกลาง | 6.495 ล้านล้าน BHD | 6.821 ล้านล้าน BHD | รายเดือน |
🇧🇭 เงินสำรองต่างประเทศ | 1.605 ล้านล้าน BHD | 1.433 ล้านล้าน BHD | รายเดือน |
🇧🇭 ปริมาณเงิน M0 | 578.7 ล้าน BHD | 578 ล้าน BHD | รายเดือน |
🇧🇭 ปริมาณเงิน M1 | 2.917 ล้านล้าน BHD | 2.388 ล้านล้าน BHD | รายเดือน |
🇧🇭 ปริมาณเงิน M2 | 14.083 ล้านล้าน BHD | 14.126 ล้านล้าน BHD | รายเดือน |
🇧🇭 ปริมาณเงิน M3 | 16.467 ล้านล้าน BHD | 16.619 ล้านล้าน BHD | รายเดือน |
🇧🇭 อัตราดอกเบี้ย | 5.25 % | 5.25 % | frequency_daily |
🇧🇭 อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร | 5.606 % | 5.617 % | frequency_daily |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร อัตราดอกเบี้ยรีเวิร์สรีโป
"Reverse Repo Rate คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธนาคารกลาง (เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย) สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องในระบบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การจัดการนี้ ธนาคารพาณิชย์จะสามารถฝากเงินในระยะสั้นกับธนาคารกลาง โดยธนาคารกลางจะคืนดอกเบี้ยในอัตราที่เรียกว่า 'Reverse Repo Rate' พื้นฐานการทำงานของ Reverse Repo Rate คือกระบวนการที่ธนาคารกลางทำสัญญาในการรับซื้อทรัพย์สินทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์ในราคาหนึ่ง แล้วต่อมาในวันกำหนดชำระคืน ธนาคารพาณิชย์จะต้องซื้อทรัพย์สินทางการเงินนั้นกลับไปพร้อมจ่ายดอกเบี้ย ปฏิบัตินี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ป้องกันไม่ให้มีเงินเข้าสู่ระบบมากเกินไปซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อได้ Reverse Repo Rate ถูกใช้ในหลากหลายสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เมื่อระบบการเงินมีสภาพคล่องมากเกินไป ธนาคารกลางอาจต้องการดูดซับสภาพคล่องนี้ออกจากระบบ เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อและรักษาเสถียรภาพทางการเงิน อีกทั้ง การปรับ Reverse Repo Rate ขึ้นหรือลงสามารถแสดงถึงนโยบายการเงินที่ธนาคารกลางต้องการใช้ ตัวอย่างเช่น หากธนาคารกลางต้องการให้ระบบการเงินมีสภาพคล่องที่ลดลง อาจปรับ Reverse Repo Rate ขึ้น ให้ธนาคารพาณิชย์มีแรงจูงใจที่จะนำเงินฝากกับธนาคารกลางมากขึ้น อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือบทบาทของ Reverse Repo Rate ต่ออัตราดอกเบี้ยอื่น ๆ ในตลาดการเงิน เมื่อธนาคารกลางปรับ Reverse Repo Rate ขึ้น จะมีแรงกดดันให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดโดยรวมปรับตัวขึ้นตาม เนื่องจากธนาคารพาณิชย์จะต้องหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำกว่าเป็นทางเลือก จึงอาจส่งผลให้การกู้ยืมจากภาคธุรกิจและประชาชนในระดับต่ำลง ตามด้วยการปรับลดการลงทุนและการใช้จ่าย การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้นโยบายทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ Reverse Repo Rate กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง ไม่เพียงเท่านั้น การใช้ Reverse Repo Rate ยังเป็นกลไกที่สำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดการเงิน ทำให้ผู้ลงทุนหรือผู้กำกับดูแลทราบถึงความตั้งใจของธนาคารกลางในการจัดการเสถียรภาพทางการเงิน การทำงานที่ชัดเจนและสม่ำเสมอของ Reverse Repo Rate จะนำไปสู่การสร้างความไว้วางใจในระบบเศรษฐกิจ และช่วยให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้กระบวนการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน การใช้ Reverse Repo Rate เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงในตัวชี้วัดเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น GDP ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ข้อมูลเหล่านี้เมื่อใช้งานร่วมกัน สามารถช่วยให้การวิเคราะห์เศรษฐกิจมีความแม่นยำยิ่งขึ้น เนื่องจากเราสามารถเห็นภาพรวมของสภาพเศรษฐกิจภายใต้บริบทที่ครบถ้วนและเชื่อมโยงกัน หนึ่งในความท้าทายที่มากับการใช้ Reverse Repo Rate คือการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งธนาคารกลางต้องทำการประเมินสภาพคล่องในระบบและตรวจสอบการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะตัดสินใจปรับ Reverse Repo Rate เพื่อให้การตัดสินใจนั้นมีผลกระทบเชิงบวกต่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจ เพื่อที่จะทำให้การบริหารจัดการสภาพคล่องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความโปร่งใสในการสื่อสารระหว่างธนาคารกลางและภาคการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การสื่อสารเกี่ยวกับความตั้งใจในการใช้นโยบาย Reverse Repo Rate ต้องทำอย่างชัดเจนและโปร่งใส เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนทราบทิศทางทางการเงินและสามารถปรับตัวให้เหมาะสม ในสรุป การมีความรู้และความเข้าใจในถ้อยคำและแนวคิดเกี่ยวกับ Reverse Repo Rate เป็นปัจจัยหลักที่ผู้ที่สนใจในเรื่องเศรษฐกิจการเงินควรให้ความสำคัญ เพราะมันเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีผลกระทบอย่างมากต่อเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของชาติ การทำความเข้าใจในบทบาทและผลกระทบของ Reverse Repo Rate จะช่วยให้การวิเคราะห์และการคาดการณ์เศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ นักลงทุน หรือผู้สนใจทั่วไป ข้อมูลและการวิเคราะห์เกี่ยวกับ Reverse Repo Rate จะเป็นประโยชน์ในหลากหลายด้าน ทั้งในการตัดสินใจทางธุรกิจ การวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล หรือแม้กระทั่งการทำความเข้าใจนโยบายทางการเงินของประเทศ ความรู้เหล่านี้ถือเป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่งในการที่จะทำให้เราสามารถพร้อมรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น เว็บไซต์ Eulerpool จึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอข้อมูลและการวิเคราะห์เกี่ยวกับ Reverse Repo Rate และแนวโน้มต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจในแบบที่เข้าถึงง่ายและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านข้อมูลเชิงตัวเลข การวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจ หรือการเปรียบเทียบแนวโน้มทางการเงินในระดับท้องถิ่นและระดับโลก"