ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ฟิจิ เงินเฟ้ออาหาร
ราคา
ค่า เงินเฟ้ออาหาร ใน ฟิจิ ปัจจุบันเป็น 7.7 % เงินเฟ้ออาหาร ใน ฟิจิ ลดลงเหลือ 7.7 % เมื่อ 1/5/2567 หลังจากที่มันเป็น 12.2 % เมื่อ 1/4/2567 จาก 1/1/2547 ถึง 1/6/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน ฟิจิ คือ 4.7 % ระดับสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/6/2550 โดยมีค่าเป็น 16.5 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/7/2560 โดยมีค่าเป็น -6.2 %
เงินเฟ้ออาหาร ·
แม็กซ์
เงินเฟ้อด้านอาหาร | |
---|---|
1/1/2547 | 3.5 % |
1/2/2547 | 1.5 % |
1/3/2547 | 3 % |
1/12/2547 | 2.4 % |
1/1/2548 | 1.7 % |
1/2/2548 | 3.7 % |
1/3/2548 | 3.5 % |
1/5/2548 | 1.4 % |
1/6/2548 | 1.5 % |
1/7/2548 | 3.3 % |
1/8/2548 | 1.8 % |
1/10/2548 | 0.3 % |
1/11/2548 | 0.6 % |
1/12/2548 | 3.1 % |
1/1/2549 | 3.7 % |
1/2/2549 | 3 % |
1/3/2549 | 1.2 % |
1/5/2549 | 0.1 % |
1/8/2549 | 1.9 % |
1/9/2549 | 1.6 % |
1/10/2549 | 4.5 % |
1/11/2549 | 4.6 % |
1/12/2549 | 3.3 % |
1/1/2550 | 2.7 % |
1/2/2550 | 5.9 % |
1/3/2550 | 9.3 % |
1/4/2550 | 12 % |
1/5/2550 | 14.2 % |
1/6/2550 | 16.5 % |
1/7/2550 | 14.5 % |
1/8/2550 | 10.7 % |
1/9/2550 | 8.1 % |
1/10/2550 | 6.89 % |
1/11/2550 | 7.8 % |
1/12/2550 | 7.7 % |
1/1/2551 | 10.3 % |
1/2/2551 | 10.7 % |
1/3/2551 | 10.4 % |
1/4/2551 | 10.4 % |
1/5/2551 | 6.3 % |
1/6/2551 | 8.2 % |
1/7/2551 | 8.2 % |
1/8/2551 | 5.69 % |
1/9/2551 | 15.7 % |
1/10/2551 | 14 % |
1/11/2551 | 14.1 % |
1/12/2551 | 11.1 % |
1/1/2552 | 15.5 % |
1/2/2552 | 7.9 % |
1/3/2552 | 5.6 % |
1/4/2552 | 3.6 % |
1/5/2552 | 5.5 % |
1/6/2552 | 5.4 % |
1/7/2552 | 4.1 % |
1/8/2552 | 5.7 % |
1/9/2552 | 8.2 % |
1/10/2552 | 6.5 % |
1/11/2552 | 5.2 % |
1/12/2552 | 7.8 % |
1/1/2553 | 3.6 % |
1/2/2553 | 4.3 % |
1/3/2553 | 6 % |
1/4/2553 | 8.6 % |
1/5/2553 | 6.5 % |
1/6/2553 | 3.3 % |
1/7/2553 | 4.4 % |
1/8/2553 | 2.5 % |
1/9/2553 | 2.5 % |
1/10/2553 | 3.9 % |
1/11/2553 | 0.9 % |
1/12/2553 | 2.9 % |
1/1/2554 | 3.8 % |
1/2/2554 | 7.3 % |
1/3/2554 | 7.5 % |
1/4/2554 | 8.4 % |
1/5/2554 | 9.3 % |
1/6/2554 | 11.3 % |
1/7/2554 | 11.1 % |
1/8/2554 | 10.9 % |
1/9/2554 | 9.1 % |
1/10/2554 | 8.2 % |
1/11/2554 | 12.3 % |
1/12/2554 | 9.1 % |
1/1/2555 | 6.3 % |
1/2/2555 | 8.1 % |
1/3/2555 | 6.3 % |
1/4/2555 | 6.9 % |
1/5/2555 | 4 % |
1/6/2555 | 3.6 % |
1/7/2555 | 3 % |
1/8/2555 | 3 % |
1/9/2555 | 3.1 % |
1/10/2555 | 3 % |
1/11/2555 | 2.4 % |
1/12/2555 | 3.8 % |
1/1/2556 | 7.7 % |
1/2/2556 | 2.6 % |
1/3/2556 | 5.4 % |
1/5/2556 | 2.9 % |
1/6/2556 | 0.7 % |
1/7/2556 | 0.8 % |
1/8/2556 | 3 % |
1/9/2556 | 4.3 % |
1/10/2556 | 5.1 % |
1/11/2556 | 5.5 % |
1/12/2556 | 5.1 % |
1/1/2557 | 2.5 % |
1/2/2557 | 1.9 % |
1/3/2557 | 1.1 % |
1/4/2557 | 1.2 % |
1/5/2557 | 1.9 % |
1/6/2557 | 2.8 % |
1/7/2557 | 2.6 % |
1/8/2557 | 2.1 % |
1/9/2557 | 1.3 % |
1/10/2557 | 2.5 % |
1/11/2557 | 1.8 % |
1/12/2557 | 1.5 % |
1/1/2558 | 2.7 % |
1/2/2558 | 4.6 % |
1/3/2558 | 5.6 % |
1/4/2558 | 5.5 % |
1/5/2558 | 4.2 % |
1/6/2558 | 4.9 % |
1/7/2558 | 5.1 % |
1/8/2558 | 4.7 % |
1/9/2558 | 5.3 % |
1/10/2558 | 4.8 % |
1/11/2558 | 4.8 % |
1/12/2558 | 5 % |
1/1/2559 | 2.6 % |
1/2/2559 | 2.9 % |
1/3/2559 | 1.6 % |
1/4/2559 | 9.6 % |
1/5/2559 | 9.9 % |
1/6/2559 | 9.5 % |
1/7/2559 | 10 % |
1/8/2559 | 9.8 % |
1/9/2559 | 7 % |
1/10/2559 | 3.6 % |
1/11/2559 | 2.7 % |
1/12/2559 | 2.9 % |
1/1/2560 | 7.1 % |
1/2/2560 | 4.3 % |
1/3/2560 | 3 % |
1/3/2561 | 0.2 % |
1/4/2561 | 6.1 % |
1/5/2561 | 6.4 % |
1/6/2561 | 5.1 % |
1/7/2561 | 4.1 % |
1/8/2561 | 3.3 % |
1/9/2561 | 4.9 % |
1/10/2561 | 7.8 % |
1/11/2561 | 7.2 % |
1/12/2561 | 5.1 % |
1/1/2562 | 7.9 % |
1/2/2562 | 10.4 % |
1/3/2562 | 7.7 % |
1/4/2562 | 2 % |
1/5/2562 | 4.7 % |
1/6/2562 | 7.3 % |
1/7/2562 | 3.2 % |
1/8/2562 | 5.6 % |
1/9/2562 | 3.3 % |
1/10/2562 | 1.2 % |
1/11/2562 | 2.9 % |
1/12/2562 | 2.8 % |
1/7/2563 | 0.5 % |
1/12/2563 | 0.6 % |
1/1/2564 | 5.8 % |
1/2/2564 | 12.9 % |
1/3/2564 | 7.5 % |
1/4/2564 | 2.4 % |
1/5/2564 | 3.7 % |
1/6/2564 | 8.3 % |
1/7/2564 | 5.4 % |
1/8/2564 | 7.1 % |
1/9/2564 | 8.3 % |
1/10/2564 | 5.3 % |
1/11/2564 | 4.5 % |
1/12/2564 | 7.1 % |
1/1/2565 | 5.2 % |
1/2/2565 | 3.3 % |
1/3/2565 | 8 % |
1/4/2565 | 7.1 % |
1/5/2565 | 3.6 % |
1/6/2565 | 3.3 % |
1/7/2565 | 4.7 % |
1/8/2565 | 6.9 % |
1/9/2565 | 6 % |
1/10/2565 | 9.1 % |
1/11/2565 | 9.6 % |
1/12/2565 | 7.1 % |
1/1/2566 | 7 % |
1/2/2566 | 3.2 % |
1/3/2566 | 5.3 % |
1/4/2566 | 4.8 % |
1/5/2566 | 8.1 % |
1/6/2566 | 9 % |
1/7/2566 | 8 % |
1/8/2566 | 7 % |
1/9/2566 | 8.4 % |
1/10/2566 | 8.6 % |
1/11/2566 | 12 % |
1/12/2566 | 9 % |
1/1/2567 | 3.4 % |
1/2/2567 | 6.8 % |
1/3/2567 | 7.3 % |
1/4/2567 | 12.2 % |
1/5/2567 | 7.7 % |
เงินเฟ้ออาหาร ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/5/2567 | 7.7 % |
1/4/2567 | 12.2 % |
1/3/2567 | 7.3 % |
1/2/2567 | 6.8 % |
1/1/2567 | 3.4 % |
1/12/2566 | 9 % |
1/11/2566 | 12 % |
1/10/2566 | 8.6 % |
1/9/2566 | 8.4 % |
1/8/2566 | 7 % |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ เงินเฟ้ออาหาร
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇫🇯 CPI Transport | 123.9 points | 123.6 points | รายเดือน |
🇫🇯 การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต | 5.5 % | 3.5 % | ควอร์เตอร์ |
🇫🇯 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) | 127 points | 126 points | รายเดือน |
🇫🇯 ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง | 102.3 points | 102.6 points | รายเดือน |
🇫🇯 ต้นทุนการผลิต | 119.7 points | 122.2 points | ควอร์เตอร์ |
🇫🇯 อัตราเงินเฟ้อ | 6.7 % | 5.8 % | รายเดือน |
🇫🇯 อัตราเงินเฟ้อ MoM | 0.8 % | -0.6 % | รายเดือน |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ออสเตรเลีย
คืออะไร เงินเฟ้ออาหาร
ฟู้ดอินเฟลชัน หรืออัตราเงินเฟ้อในภาคอาหาร เป็นประเด็นที่มีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomics) โดยเฉพาะในเว็บไซต์แบบมืออาชีพอย่าง Eulerpool ซึ่งเรามุ่งเน้นการแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ถูกต้องและทันสมัย ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจและวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ในบทความนี้ เราจะแนะนำและอธิบายถึงฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ฟู้ดอินเฟลชัน หมายถึงการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการในภาคอาหารเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) การขาดแคลนวัตถุดิบ ภัยธรรมชาติ และการปรับตัวของกำลังการผลิต อุปสงค์และอุปทานในตลาด เป็นที่รู้กันดีว่าภาคอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักในการวัดฟู้ดอินเฟลชัน ดังนั้น อัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการในหมวดอาหารจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อระดับราคาสินค้าและบริการทั้งหมดในสังคม หน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ติดตามและรายงานฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยคือตารางดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์ โดยอีกส่วนหนึ่งของข้อมูลนั้นยังมาจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (National Statistical Office) ซึ่งเน้นการรวบรวมข้อมูลและทำการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ การวัดอัตราเงินเฟ้อในภาคอาหารจะใช้สถิติจากหลายหมวดหมู่ ยกตัวอย่างเช่น ราคาข้าวและเมล็ดพืช ราคาผักและผลไม้ และราคาผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เป็นต้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ภัยธรรมชาติที่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง ปัญหาการขนส่งสินค้า การเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบที่นำเข้า และการปรับตัวของระบบซับพลายเชน (Supply Chain) ในภาคอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ปีที่ผ่านมา ราคาข้าวที่เป็นสินค้าที่มีความสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทย ได้เพิ่มขึ้นกว่า 10% เนื่องจากปัญหาการเก็บเกี่ยวที่ไม่สมบูรณ์และการลดลงของพื้นที่เพาะปลูก ขณะเดียวกัน ราคาผักและผลไม้ก็เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7-8% เนื่องจากภาวะภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ปัญหาฟู้ดอินเฟลชันมีผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต ฝ่ายผู้บริโภคมักจะพบกับการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าในภาคอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องปรับการใช้ชีวิตและการตัดสินใจในการจับจ่ายใช้สอย ขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้ผลิตก็ต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งอาจะทำให้พวกเขาต้องหาวิธีการลดต้นทุนหรือปรับตัวในการผลิตเพื่อความอยู่รอด ความสำคัญของการติดตามและวิเคราะห์อัตราเงินเฟ้อในภาคอาหารจึงไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ในการติดตามฟู้ดอินเฟลชัน หน่วยงานต่างๆ และภาคธุรกิจมักใช้เครื่องมือและดัชนีต่างๆ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดทั่วไปที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในดัชนีนี้ มีการแบ่งแยกข้อมูลเป็นหมวดหมู่อย่างละเอียด เช่น อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ยารักษาโรค เสื้อผ้า และเครื่องพักอาศัย ซึ่งหมวดอาหารก็จะมีการรายงานแยกย่อยเพิ่มเติม เพื่อให้เห็นความแปรปรวนของราคาที่ชัดเจนขึ้น การเข้าใจฟู้ดอินเฟลชันยังเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายการเงินและการคลังของประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับเงินเฟ้อ โดยการปรับนโยบายดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การทราบข้อมูลเกี่ยวกับฟู้ดอินเฟลชันจึงเป็นส่วนสำคัญในการทำให้การดำเนินนโยบายมีประสิทธิภาพ สุดท้ายนี้ ความรู้เกี่ยวกับฟู้ดอินเฟลชันยังเป็นประโยชน์ต่อบุคคลทั่วไปโดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน การทราบถึงสาเหตุและผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อในภาคอาหารสามารถช่วยให้คุณสามารถรับมือและวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟู้ดอินเฟลชันในประเทศไทยเป็นหัวข้อที่ต้องการความสนใจและการวิเคราะห์อย่างละเอียด ด้วยความสำคัญที่มีผลกระทบต่อทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน การเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟู้ดอินเฟลชันจะช่วยให้คุณสามารถประเมินสถานการณ์และเตรียมตัวในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ดีขึ้น ทาง Eulerpool เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เป็นที่น้ำหนึงใจเดียวกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ