ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร อินเดีย การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังในอินเดียคือ461.83 ล้านล้านINR การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังในอินเดียลดลงเหลือ461.83 ล้านล้านINRใน1/12/2566 หลังจากที่เคยเป็น485.35 ล้านล้านINRใน1/9/2566 จาก1/6/2547ถึง1/3/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ในอินเดียคือ404.92 ล้านล้านINR ค่าสูงสุดตลอดเวลาอยู่ที่1/3/2558ด้วยค่า731.25 ล้านล้านINR ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อ1/6/2563ด้วยค่า43.7 ล้านล้านINR
การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง ·
แม็กซ์
การเปลี่ยนแปลงของสินค้าคงเหลือ | |
---|---|
1/6/2547 | 184.29 ล้านล้าน INR |
1/9/2547 | 195.61 ล้านล้าน INR |
1/12/2547 | 204.64 ล้านล้าน INR |
1/3/2548 | 216.96 ล้านล้าน INR |
1/6/2548 | 238.82 ล้านล้าน INR |
1/9/2548 | 245.91 ล้านล้าน INR |
1/12/2548 | 257.11 ล้านล้าน INR |
1/3/2549 | 275.1 ล้านล้าน INR |
1/6/2549 | 309.44 ล้านล้าน INR |
1/9/2549 | 322.7 ล้านล้าน INR |
1/12/2549 | 337.19 ล้านล้าน INR |
1/3/2550 | 368.37 ล้านล้าน INR |
1/6/2550 | 414.57 ล้านล้าน INR |
1/9/2550 | 424.13 ล้านล้าน INR |
1/12/2550 | 440.52 ล้านล้าน INR |
1/3/2551 | 474.55 ล้านล้าน INR |
1/6/2551 | 218.68 ล้านล้าน INR |
1/9/2551 | 222.99 ล้านล้าน INR |
1/12/2551 | 222.9 ล้านล้าน INR |
1/3/2552 | 237.11 ล้านล้าน INR |
1/6/2552 | 324.03 ล้านล้าน INR |
1/9/2552 | 341.39 ล้านล้าน INR |
1/12/2552 | 348.88 ล้านล้าน INR |
1/3/2553 | 479.19 ล้านล้าน INR |
1/6/2553 | 451.84 ล้านล้าน INR |
1/9/2553 | 462.75 ล้านล้าน INR |
1/12/2553 | 480.36 ล้านล้าน INR |
1/3/2554 | 517.63 ล้านล้าน INR |
1/6/2554 | 525.16 ล้านล้าน INR |
1/9/2554 | 491.35 ล้านล้าน INR |
1/12/2554 | 492.19 ล้านล้าน INR |
1/3/2555 | 571.12 ล้านล้าน INR |
1/6/2555 | 485.69 ล้านล้าน INR |
1/9/2555 | 506.85 ล้านล้าน INR |
1/12/2555 | 482.21 ล้านล้าน INR |
1/3/2556 | 540.53 ล้านล้าน INR |
1/6/2556 | 318.49 ล้านล้าน INR |
1/9/2556 | 322.24 ล้านล้าน INR |
1/12/2556 | 313.59 ล้านล้าน INR |
1/3/2557 | 343.25 ล้านล้าน INR |
1/6/2557 | 688.81 ล้านล้าน INR |
1/9/2557 | 691.4 ล้านล้าน INR |
1/12/2557 | 636.05 ล้านล้าน INR |
1/3/2558 | 731.25 ล้านล้าน INR |
1/6/2558 | 586.64 ล้านล้าน INR |
1/9/2558 | 594.98 ล้านล้าน INR |
1/12/2558 | 566.68 ล้านล้าน INR |
1/3/2559 | 647.27 ล้านล้าน INR |
1/6/2559 | 305.62 ล้านล้าน INR |
1/9/2559 | 303.78 ล้านล้าน INR |
1/12/2559 | 291 ล้านล้าน INR |
1/3/2560 | 326 ล้านล้าน INR |
1/6/2560 | 478.37 ล้านล้าน INR |
1/9/2560 | 517.09 ล้านล้าน INR |
1/12/2560 | 502.23 ล้านล้าน INR |
1/3/2561 | 566.67 ล้านล้าน INR |
1/6/2561 | 637.62 ล้านล้าน INR |
1/9/2561 | 657.95 ล้านล้าน INR |
1/12/2561 | 636.07 ล้านล้าน INR |
1/3/2562 | 696.07 ล้านล้าน INR |
1/6/2562 | 271.56 ล้านล้าน INR |
1/9/2562 | 270.09 ล้านล้าน INR |
1/12/2562 | 261.36 ล้านล้าน INR |
1/3/2563 | 282.35 ล้านล้าน INR |
1/6/2563 | 43.7 ล้านล้าน INR |
1/9/2563 | 67.53 ล้านล้าน INR |
1/12/2563 | 67.6 ล้านล้าน INR |
1/3/2564 | 77.33 ล้านล้าน INR |
1/6/2564 | 373.14 ล้านล้าน INR |
1/9/2564 | 405.24 ล้านล้าน INR |
1/12/2564 | 385.13 ล้านล้าน INR |
1/3/2565 | 438.52 ล้านล้าน INR |
1/6/2565 | 446.47 ล้านล้าน INR |
1/9/2565 | 440.39 ล้านล้าน INR |
1/12/2565 | 429.43 ล้านล้าน INR |
1/3/2566 | 518.36 ล้านล้าน INR |
1/6/2566 | 451.82 ล้านล้าน INR |
1/9/2566 | 485.35 ล้านล้าน INR |
1/12/2566 | 461.83 ล้านล้าน INR |
การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/12/2566 | 461.83 ล้านล้าน INR |
1/9/2566 | 485.35 ล้านล้าน INR |
1/6/2566 | 451.82 ล้านล้าน INR |
1/3/2566 | 518.36 ล้านล้าน INR |
1/12/2565 | 429.43 ล้านล้าน INR |
1/9/2565 | 440.39 ล้านล้าน INR |
1/6/2565 | 446.47 ล้านล้าน INR |
1/3/2565 | 438.52 ล้านล้าน INR |
1/12/2564 | 385.13 ล้านล้าน INR |
1/9/2564 | 405.24 ล้านล้าน INR |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇮🇳 Composite PMI | 58.3 points | 60.7 points | รายเดือน |
🇮🇳 การจดทะเบียนรถยนต์ | 160,306 Units | 168,912 Units | รายเดือน |
🇮🇳 การผลิตในภาคการผลิต | 4.6 % | 2.6 % | รายเดือน |
🇮🇳 การผลิตไฟฟ้า | 134,935.87 Gigawatt-hour | 139,791.55 Gigawatt-hour | รายเดือน |
🇮🇳 การผลิตรถยนต์ | 151,538 Units | 171,437 Units | รายเดือน |
🇮🇳 การผลิตเหมืองแร่ | 6.56 % | 6.69 % | รายเดือน |
🇮🇳 การผลิตเหล็ก | 12.3 ล้าน Tonnes | 12.3 ล้าน Tonnes | รายเดือน |
🇮🇳 การผลิตอุตสาหกรรม | 5 % | 4.9 % | รายเดือน |
🇮🇳 การผลิตอุตสาหกรรมเดือนต่อเดือน | -2.97 % | 4.67 % | รายเดือน |
🇮🇳 ตัวชี้วัดเชิง복합แสดงสัญญาณล่วงหน้า | 100.308 points | 100.178 points | รายเดือน |
🇮🇳 บริการ PMI | 57.7 points | 60.9 points | รายเดือน |
🇮🇳 ผลิตภัณฑ์ PMI | 56.5 points | 57.5 points | รายเดือน |
🇮🇳 ยอดขายรถยนต์รวม | 315,689 Units | 308,779 Units | รายเดือน |
🇮🇳 สภาวะธุรกิจ | 130.3 points | 135.4 points | ควอร์เตอร์ |
🇮🇳 อัตราการใช้กำลังการผลิต | 75.8 % | 74 % | ควอร์เตอร์ |
🇮🇳 อัตราการเติบโตของเงินฝาก | 11.8 % | 11.5 % | frequency_biweekly |
ในประเทศอินเดีย การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังมักเป็นตัวบ่งชี้ล่วงหน้าสำหรับประสิทธิภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง
การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง: การวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคที่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เปรียบเสมือนการมองดูภาพรวมเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับระบบเศรษฐกิจทั้งหมดของประเทศ การศึกษาว่าเหตุใดสินค้าคงคลังถึงมีการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่มาตามมาดูเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจไม่ค่อยนึกถึง แต่จริง ๆ แล้วมันมีศักยภาพในการเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการทำนายและวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจมหภาคได้อย่างชัดเจน สินค้าคงคลังหมายถึงสินค้าที่ผลิตขึ้นแล้วแต่ยังไม่ถูกขาย ซึ่งรวมถึงสินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบ และงานระหว่างการผลิต การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังสามารถบ่งบอกถึงความคาดหวังของผู้ผลิตต่อความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต โดยการสงวนสินค้าจะเป็นการสะท้อนถึงการขึ้ดหวังว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งการวิเคาะห์การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังนี้มีความสัมพันธ์กันกับส่วนต่าง ๆ ของระบบเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้ง ประการที่หนึ่ง การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เมื่อผู้ผลิตเพิ่มการผลิตและเพิ่มสำรองสินค้าคงคลังในระยะเวลาที่เศรษฐกิจยังไม่ได้เติบโตมากนัก แสดงถึงความเชื่อว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้เรามองเห็นการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมและการจ้างงานในระยะยาว ขณะเดียวกัน หากผู้ผลิตลดการผลิตและลดสินค้าคงคลังลง นั่นอาจบ่งบอกถึงการขาดแคลนความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าการเล่นลดลง นอกจากการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังยังสามารถมีผลต่อเสถียรภาพทางการเงิน หากสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคลดลง อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า 'สินค้าล้นตลาด' ซึ่งย่อมทำให้ผู้ผลิตปรับลดการผลิต เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดการและการเก็บสำรองสินค้าคงคลังที่มากเกินไป ในสถานการณ์นี้ เศรษฐกิจอาจเผชิญกับการเติบโตชะลอตัวและการจ้างงานลดลง อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสามารถใช้การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังเป็นหนึ่งในปัจจัยในการวิเคราะห์และตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน หากการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังบ่งบอกถึงเงื่อนไขที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การลดลงของความต้องการ ทางธนาคารกลางอาจพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยหรือนโยบายอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ คุณลักษณะที่เด่นชัดอีกอย่างของการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังคือมันสามารถสะท้อนถึงระดับการแข่งขันในตลาด หากสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเขตภาคการผลิตที่มีการแข่งขันสูงจนเกินไป ผู้ผลิตจะต้องเพิ่มการผลิตเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อกำไรและราคาในตลาดได้ นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงอาจทำให้ผู้ผลิตต้องลดการสำรองสินค้าคงคลังเพื่อลดค่าใช้จ่าย ทำให้มีความเสี่ยงต่อความเพียงพอในการรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นเฉียบพลัน การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังยังมีผลต่อการนำเข้าและส่งออก การเพิ่มสินค้าคงคลังอาจทำให้มีความต้องการนำเข้าวัตถุดิบมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อดุลการค้าของประเทศ ขณะที่หากสินค้าคงคลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แสดงว่าผู้ผลิตอาจพยายามลดการนำเข้าเพื่อลดค่าใช้จ่าย นอกจากนั้น การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังยังสามารถใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนธุรกิจได้ ผู้ประกอบการสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในความต้องการของตลาดและจัดการทรัพยากรในมืออย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังไม่เพียงแต่เป็นดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญ แต่มันยังมีผลกระทบต่อหลากหลายองค์ประกอบของระบบเศรษฐกิจ การประกอบธุรกิจ และนโยบายแห่งชาติ การศึกษาและการติดตามการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังนี้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และมีคุณค่ามากสำหรับผู้ที่ต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ที่ eulerpool เราขอนำเสนอข้อมูลการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังที่มีคุณภาพ มีความแม่นยำ และละเอียด เพื่อให้คุณสามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการวิเคราะห์และตัดสินใจต่อธุรกิจและนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าคุณต้องการข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพใหญ่และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ eulerpool คือคำตอบ ข้อมูลที่ทันสมัยและเชื่อถือได้เป็นสิ่งที่เรายืนยันนำเสนอให้แก่คุณ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้เรานำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่เป็นมืออาชีพและเชื่อถือได้จาก eulerpool