ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร อิรัก ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน อิรัก คือ 16.756 ล้านล้าน USD ดุลการค้าใน อิรัก เพิ่มขึ้นเป็น 16.756 ล้านล้าน USD เมื่อ 1/9/2566 หลังจากที่เป็น 12.283 ล้านล้าน USD เมื่อ 1/6/2566 จาก 1/12/2531 ถึง 1/12/2566 GDP เฉลี่ยใน อิรัก คือ 8.8 ล้านล้าน USD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/12/2555 โดยมีมูลค่า 44.05 ล้านล้าน USD ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/12/2547 โดยมีมูลค่า -3.49 ล้านล้าน USD
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/12/2531 | 2.19 ล้านล้าน USD |
1/12/2532 | 3.23 ล้านล้าน USD |
1/12/2533 | 3.8 ล้านล้าน USD |
1/12/2543 | 7.73 ล้านล้าน USD |
1/12/2544 | 1.72 ล้านล้าน USD |
1/12/2545 | 2.4 ล้านล้าน USD |
1/12/2548 | 3.7 ล้านล้าน USD |
1/12/2549 | 11.82 ล้านล้าน USD |
1/12/2550 | 22.96 ล้านล้าน USD |
1/12/2551 | 33.96 ล้านล้าน USD |
1/12/2552 | 4.15 ล้านล้าน USD |
1/12/2553 | 14.44 ล้านล้าน USD |
1/12/2554 | 39.05 ล้านล้าน USD |
1/12/2555 | 44.05 ล้านล้าน USD |
1/3/2556 | 11.27 ล้านล้าน USD |
1/6/2556 | 11.09 ล้านล้าน USD |
1/9/2556 | 6.79 ล้านล้าน USD |
1/12/2556 | 7.61 ล้านล้าน USD |
1/3/2557 | 6.43 ล้านล้าน USD |
1/6/2557 | 13.85 ล้านล้าน USD |
1/9/2557 | 8.66 ล้านล้าน USD |
1/12/2557 | 6.63 ล้านล้าน USD |
1/3/2558 | 4.02 ล้านล้าน USD |
1/6/2558 | 4.67 ล้านล้าน USD |
1/9/2558 | 1.29 ล้านล้าน USD |
1/12/2558 | 1.01 ล้านล้าน USD |
1/6/2559 | 3.19 ล้านล้าน USD |
1/9/2559 | 5.14 ล้านล้าน USD |
1/12/2559 | 3.99 ล้านล้าน USD |
1/3/2560 | 6 ล้านล้าน USD |
1/6/2560 | 6.22 ล้านล้าน USD |
1/9/2560 | 5.17 ล้านล้าน USD |
1/12/2560 | 7.98 ล้านล้าน USD |
1/3/2561 | 9.06 ล้านล้าน USD |
1/6/2561 | 12.93 ล้านล้าน USD |
1/9/2561 | 12.25 ล้านล้าน USD |
1/12/2561 | 13.24 ล้านล้าน USD |
1/3/2562 | 8.93 ล้านล้าน USD |
1/6/2562 | 8.79 ล้านล้าน USD |
1/9/2562 | 7.7 ล้านล้าน USD |
1/12/2562 | 6.75 ล้านล้าน USD |
1/3/2563 | 5.26 ล้านล้าน USD |
1/6/2563 | 2.09 ล้านล้าน USD |
1/12/2563 | 440.4 ล้าน USD |
1/3/2564 | 10.05 ล้านล้าน USD |
1/6/2564 | 8.98 ล้านล้าน USD |
1/9/2564 | 9.3 ล้านล้าน USD |
1/12/2564 | 10.03 ล้านล้าน USD |
1/3/2565 | 14.41 ล้านล้าน USD |
1/6/2565 | 18.54 ล้านล้าน USD |
1/9/2565 | 20.41 ล้านล้าน USD |
1/12/2565 | 17.77 ล้านล้าน USD |
1/3/2566 | 15.38 ล้านล้าน USD |
1/6/2566 | 12.28 ล้านล้าน USD |
1/9/2566 | 16.76 ล้านล้าน USD |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/9/2566 | 16.756 ล้านล้าน USD |
1/6/2566 | 12.283 ล้านล้าน USD |
1/3/2566 | 15.382 ล้านล้าน USD |
1/12/2565 | 17.77 ล้านล้าน USD |
1/9/2565 | 20.413 ล้านล้าน USD |
1/6/2565 | 18.541 ล้านล้าน USD |
1/3/2565 | 14.406 ล้านล้าน USD |
1/12/2564 | 10.031 ล้านล้าน USD |
1/9/2564 | 9.299 ล้านล้าน USD |
1/6/2564 | 8.981 ล้านล้าน USD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇮🇶 การผลิตน้ำมันดิบ | 3,860 BBL/D/1K | 3,891 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇮🇶 การส่งออกน้ำมัน | 24.127 ล้านล้าน USD | 21.735 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇮🇶 ดัชนีการก่อการร้าย | 7.078 Points | 8.139 Points | ประจำปี |
🇮🇶 ทองคำสำรอง | 138.44 Tonnes | 138.44 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇮🇶 นำเข้า | 10.299 ล้านล้าน USD | 8.433 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇮🇶 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | 15.499 ล้านล้าน USD | 14.29 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇮🇶 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | -1.9 % of GDP | 17.25 % of GDP | ประจำปี |
🇮🇶 ส่งออก | 27.848 ล้านล้าน USD | 25.189 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
อิรักมีการบันทึกดุลการค้าเป็นบวกตั้งแต่ปี 2005 เนื่องจากการส่งออกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น (คิดเป็น 99 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกทั้งหมด) การนำเข้าสำคัญได้แก่: เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง; สินค้าสำเร็จรูปและเชื้อเพลิงแร่ คู่ค้าหลักคือ: สหรัฐอเมริกา (25 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกทั้งหมดและ 6 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้า) และจีน (12 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกและ 14 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้า) อื่น ๆ ได้แก่: ซีเรีย, อินเดีย และเกาหลีใต้
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว