ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ซูรินาม ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ซูรินาม คือ 207.7 ล้าน USD ดุลการค้าใน ซูรินาม เพิ่มขึ้นเป็น 207.7 ล้าน USD เมื่อ 1/9/2566 หลังจากที่เป็น 134.1 ล้าน USD เมื่อ 1/6/2566 จาก 1/3/2549 ถึง 1/12/2566 GDP เฉลี่ยใน ซูรินาม คือ 123.7 ล้าน USD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/12/2563 โดยมีมูลค่า 367.3 ล้าน USD ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/9/2558 โดยมีมูลค่า -129.4 ล้าน USD
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/3/2549 | 44 ล้าน USD |
1/6/2549 | 75.2 ล้าน USD |
1/9/2549 | 114.4 ล้าน USD |
1/12/2549 | 38.3 ล้าน USD |
1/3/2550 | 79.4 ล้าน USD |
1/6/2550 | 124.7 ล้าน USD |
1/9/2550 | 74.4 ล้าน USD |
1/12/2550 | 35.7 ล้าน USD |
1/3/2551 | 142.3 ล้าน USD |
1/6/2551 | 15.5 ล้าน USD |
1/9/2551 | 98.6 ล้าน USD |
1/12/2551 | 80.4 ล้าน USD |
1/3/2552 | 5.4 ล้าน USD |
1/6/2552 | 42.3 ล้าน USD |
1/9/2552 | 2.9 ล้าน USD |
1/3/2553 | 216.3 ล้าน USD |
1/6/2553 | 157.6 ล้าน USD |
1/9/2553 | 91.8 ล้าน USD |
1/12/2553 | 220.5 ล้าน USD |
1/3/2554 | 250.9 ล้าน USD |
1/6/2554 | 182 ล้าน USD |
1/9/2554 | 296.6 ล้าน USD |
1/12/2554 | 238.3 ล้าน USD |
1/3/2555 | 177 ล้าน USD |
1/6/2555 | 221.8 ล้าน USD |
1/9/2555 | 128 ล้าน USD |
1/12/2555 | 179.9 ล้าน USD |
1/3/2556 | 99.6 ล้าน USD |
1/6/2556 | 68 ล้าน USD |
1/9/2556 | 25.7 ล้าน USD |
1/12/2556 | 49.2 ล้าน USD |
1/3/2557 | 65.6 ล้าน USD |
1/6/2557 | 35.4 ล้าน USD |
1/9/2557 | 36.3 ล้าน USD |
1/6/2559 | 25.4 ล้าน USD |
1/9/2559 | 39.8 ล้าน USD |
1/12/2559 | 147 ล้าน USD |
1/3/2560 | 179.4 ล้าน USD |
1/6/2560 | 207.1 ล้าน USD |
1/9/2560 | 207.8 ล้าน USD |
1/12/2560 | 180.1 ล้าน USD |
1/3/2561 | 184.2 ล้าน USD |
1/6/2561 | 125.3 ล้าน USD |
1/9/2561 | 124.5 ล้าน USD |
1/12/2561 | 228.3 ล้าน USD |
1/3/2562 | 169.7 ล้าน USD |
1/6/2562 | 62.2 ล้าน USD |
1/9/2562 | 123.5 ล้าน USD |
1/12/2562 | 176.4 ล้าน USD |
1/3/2563 | 229 ล้าน USD |
1/6/2563 | 219.7 ล้าน USD |
1/9/2563 | 245.4 ล้าน USD |
1/12/2563 | 367.3 ล้าน USD |
1/3/2564 | 245.1 ล้าน USD |
1/6/2564 | 219.1 ล้าน USD |
1/9/2564 | 171.2 ล้าน USD |
1/12/2564 | 229.6 ล้าน USD |
1/3/2565 | 270.5 ล้าน USD |
1/6/2565 | 194.3 ล้าน USD |
1/9/2565 | 116.1 ล้าน USD |
1/12/2565 | 174.3 ล้าน USD |
1/3/2566 | 197.6 ล้าน USD |
1/6/2566 | 134.1 ล้าน USD |
1/9/2566 | 207.7 ล้าน USD |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/9/2566 | 207.7 ล้าน USD |
1/6/2566 | 134.1 ล้าน USD |
1/3/2566 | 197.6 ล้าน USD |
1/12/2565 | 174.3 ล้าน USD |
1/9/2565 | 116.1 ล้าน USD |
1/6/2565 | 194.3 ล้าน USD |
1/3/2565 | 270.5 ล้าน USD |
1/12/2564 | 229.6 ล้าน USD |
1/9/2564 | 171.2 ล้าน USD |
1/6/2564 | 219.1 ล้าน USD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇸🇷 กระแสเงินทุน | 208.3 ล้าน USD | -9.6 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇸🇷 การผลิตน้ำมันดิบ | 13 BBL/D/1K | 13 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇸🇷 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | -7.6 ล้าน USD | -22.4 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇸🇷 ทองคำสำรอง | 1.46 Tonnes | 1.46 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇸🇷 นำเข้า | 418.7 ล้าน USD | 403.1 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇸🇷 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | -14.8 ล้าน USD | 40.3 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇸🇷 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | 2.1 % of GDP | 5.7 % of GDP | ประจำปี |
🇸🇷 ส่งออก | 643.4 ล้าน USD | 624.4 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇸🇷 หนี้สาธารณะต่างประเทศต่อจีดีพี | 67 % of GDP | 82.8 % of GDP | ประจำปี |
ซูรินามมีดุลการค้าเกินเนื่องจากการส่งออกไข่มุก, อัญมณี, โลหะ, และเหรียญเงิน (73 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกทั้งหมด) ซูรินามยังเป็นผู้ส่งออกสุทธิน้ำมัน, ทองคำ, ไม้เนื้อแข็ง และกล้วย ประเทศนี้เป็นผู้นำเข้าสุทธิน้ำมันเชื้อเพลิง, อาหาร, เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องจักร คู่ค้าหลักคือ: สวิตเซอร์แลนด์ (45 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกทั้งหมด), สหรัฐอเมริกา (25 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้าทั้งหมด), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (23 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออก) และตรินิแดดและโตเบโก (5 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออก และ 14 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้า) อื่นๆ รวมถึง: เนเธอร์แลนด์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกายอานา
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน อเมริกา
- 🇦🇷อาร์เจนตินา
- 🇦🇼อารูบา
- 🇧🇸บาฮามาส
- 🇧🇧บาร์เบโดส
- 🇧🇿เบลิซ
- 🇧🇲เบอร์มิวดา
- 🇧🇴โบลิเวีย
- 🇧🇷บราซิล
- 🇨🇦แคนาดา
- 🇰🇾หมู่เกาะเคย์แมน
- 🇨🇱ชิลี
- 🇨🇴โคลอมเบีย
- 🇨🇷คอสตาริกา
- 🇨🇺คิวบา
- 🇩🇴สาธารณรัฐโดมินิกัน
- 🇪🇨เอกวาดอร์
- 🇸🇻เอลซัลวาดอร์
- 🇬🇹กัวเตมาลา
- 🇬🇾กายอานา
- 🇭🇹ไฮติ
- 🇭🇳ฮอนดูรัส
- 🇯🇲จาไมก้า
- 🇲🇽เม็กซิโก
- 🇳🇮นิการากัว
- 🇵🇦ปานามา
- 🇵🇾ปารากวัย
- 🇵🇪เปรู
- 🇵🇷เปอร์โตริโก
- 🇹🇹ตรินิแดดและโตเบโก
- 🇺🇸สหรัฐอเมริกา
- 🇺🇾อุรุกวัย
- 🇻🇪เวเนซุเอลา
- 🇦🇬แอนติกาและบาร์บูดา
- 🇩🇲โดมินิกา
- 🇬🇩เกรนาดา
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว