ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ติมอร์-เลสเต อัตราเงินเฟ้อ
ราคา
ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน ติมอร์-เลสเต คือ 3.4 %. อัตราเงินเฟ้อ ใน ติมอร์-เลสเต เพิ่มขึ้นเป็น 3.4 % เมื่อ 1/4/2567 หลังจากที่เคยเป็น 2.7 % เมื่อ 1/3/2567. จาก 1/12/2547 ถึง 1/5/2567, GDP เฉลี่ยใน ติมอร์-เลสเต คือ 4.82 %. ค่าสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/2/2550 ที่ 18 % ขณะที่ค่าต่ำสุดเกิดขึ้นเมื่อ 1/8/2552 ที่ -2.5 %.
อัตราเงินเฟ้อ ·
แม็กซ์
อัตราเงินเฟ้อ | |
---|---|
1/12/2547 | 1.8 % |
1/1/2548 | 2.2 % |
1/2/2548 | 2.2 % |
1/3/2548 | 2 % |
1/4/2548 | 1.5 % |
1/8/2548 | 1.2 % |
1/9/2548 | 1.3 % |
1/10/2548 | 1.7 % |
1/11/2548 | 1.5 % |
1/12/2548 | 0.9 % |
1/1/2549 | 0.5 % |
1/2/2549 | 0.5 % |
1/3/2549 | 1 % |
1/4/2549 | 1 % |
1/5/2549 | 1.6 % |
1/6/2549 | 5 % |
1/7/2549 | 5.6 % |
1/8/2549 | 5.3 % |
1/9/2549 | 6.4 % |
1/10/2549 | 6.2 % |
1/11/2549 | 6.5 % |
1/12/2549 | 7.2 % |
1/1/2550 | 8.4 % |
1/2/2550 | 18 % |
1/3/2550 | 14.9 % |
1/4/2550 | 11.8 % |
1/5/2550 | 12.3 % |
1/6/2550 | 9.5 % |
1/7/2550 | 8.4 % |
1/8/2550 | 8.8 % |
1/9/2550 | 7.8 % |
1/10/2550 | 7.9 % |
1/11/2550 | 8 % |
1/12/2550 | 8.6 % |
1/1/2551 | 8.6 % |
1/2/2551 | 1.3 % |
1/3/2551 | 4.1 % |
1/4/2551 | 9.1 % |
1/5/2551 | 10 % |
1/6/2551 | 11.6 % |
1/7/2551 | 12.4 % |
1/8/2551 | 12.3 % |
1/9/2551 | 12 % |
1/10/2551 | 10.8 % |
1/11/2551 | 9.2 % |
1/12/2551 | 7.5 % |
1/1/2552 | 6.5 % |
1/2/2552 | 5 % |
1/3/2552 | 4.1 % |
1/4/2552 | 1.8 % |
1/5/2552 | 0.2 % |
1/12/2552 | 1.7 % |
1/1/2553 | 3.7 % |
1/2/2553 | 4.7 % |
1/3/2553 | 5.4 % |
1/4/2553 | 6.1 % |
1/5/2553 | 6.3 % |
1/6/2553 | 6.6 % |
1/7/2553 | 7.3 % |
1/8/2553 | 7.6 % |
1/9/2553 | 7.5 % |
1/10/2553 | 7.9 % |
1/11/2553 | 9.1 % |
1/12/2553 | 9.2 % |
1/1/2554 | 8.3 % |
1/2/2554 | 11.1 % |
1/3/2554 | 14.1 % |
1/4/2554 | 13.7 % |
1/5/2554 | 13.5 % |
1/6/2554 | 13.7 % |
1/7/2554 | 13.1 % |
1/8/2554 | 13.1 % |
1/9/2554 | 13.7 % |
1/10/2554 | 14.4 % |
1/11/2554 | 15.5 % |
1/12/2554 | 17.4 % |
1/1/2555 | 17.7 % |
1/2/2555 | 12.7 % |
1/3/2555 | 10 % |
1/4/2555 | 11 % |
1/5/2555 | 11.2 % |
1/6/2555 | 11 % |
1/7/2555 | 11.1 % |
1/8/2555 | 11.3 % |
1/9/2555 | 11.4 % |
1/10/2555 | 11.5 % |
1/11/2555 | 11.6 % |
1/12/2555 | 11.7 % |
1/1/2556 | 11.8 % |
1/2/2556 | 13.2 % |
1/3/2556 | 13.5 % |
1/4/2556 | 13 % |
1/5/2556 | 13.1 % |
1/6/2556 | 13.1 % |
1/7/2556 | 12.4 % |
1/8/2556 | 12.2 % |
1/9/2556 | 10.9 % |
1/10/2556 | 10.1 % |
1/11/2556 | 8.1 % |
1/12/2556 | 4 % |
1/1/2557 | 3 % |
1/2/2557 | 2.4 % |
1/3/2557 | 1.8 % |
1/4/2557 | 1.1 % |
1/9/2557 | 0.5 % |
1/10/2557 | 0.3 % |
1/11/2557 | 0.2 % |
1/12/2557 | 0.3 % |
1/1/2558 | 0.6 % |
1/2/2558 | 0.6 % |
1/3/2558 | 0.7 % |
1/4/2558 | 0.5 % |
1/5/2558 | 1.1 % |
1/6/2558 | 1.4 % |
1/7/2558 | 1.1 % |
1/8/2558 | 0.8 % |
1/9/2558 | 0.5 % |
1/10/2558 | 0.3 % |
1/2/2560 | 0.2 % |
1/3/2560 | 0.3 % |
1/4/2560 | 0.5 % |
1/5/2560 | 0.9 % |
1/6/2560 | 0.8 % |
1/7/2560 | 1 % |
1/8/2560 | 0.7 % |
1/9/2560 | 0.4 % |
1/10/2560 | 0.8 % |
1/11/2560 | 2.5 % |
1/12/2560 | 0.8 % |
1/1/2561 | 1.6 % |
1/2/2561 | 2 % |
1/3/2561 | 2 % |
1/4/2561 | 2.7 % |
1/5/2561 | 2.5 % |
1/6/2561 | 2.5 % |
1/7/2561 | 2.5 % |
1/8/2561 | 2.7 % |
1/9/2561 | 2.9 % |
1/10/2561 | 2.6 % |
1/11/2561 | 0.3 % |
1/12/2561 | 2.1 % |
1/1/2562 | 1.7 % |
1/2/2562 | 1.5 % |
1/3/2562 | 1.4 % |
1/4/2562 | 0.7 % |
1/5/2562 | 0.8 % |
1/6/2562 | 0.9 % |
1/7/2562 | 0.6 % |
1/8/2562 | 0.9 % |
1/9/2562 | 1 % |
1/10/2562 | 0.6 % |
1/11/2562 | 0.8 % |
1/12/2562 | 0.3 % |
1/1/2563 | 0.2 % |
1/3/2563 | 0.2 % |
1/4/2563 | 0.3 % |
1/5/2563 | 0.4 % |
1/6/2563 | 0.5 % |
1/7/2563 | 0.8 % |
1/8/2563 | 0.6 % |
1/9/2563 | 0.3 % |
1/10/2563 | 0.6 % |
1/11/2563 | 0.8 % |
1/12/2563 | 1.2 % |
1/1/2564 | 2 % |
1/2/2564 | 2.5 % |
1/3/2564 | 2.9 % |
1/4/2564 | 3.4 % |
1/5/2564 | 3.6 % |
1/6/2564 | 3.6 % |
1/7/2564 | 3.6 % |
1/8/2564 | 3.9 % |
1/9/2564 | 4.1 % |
1/10/2564 | 4.9 % |
1/11/2564 | 6.7 % |
1/12/2564 | 5.3 % |
1/1/2565 | 5.4 % |
1/2/2565 | 5.7 % |
1/3/2565 | 6 % |
1/4/2565 | 6.6 % |
1/5/2565 | 7.4 % |
1/6/2565 | 8 % |
1/7/2565 | 8.2 % |
1/8/2565 | 7.9 % |
1/9/2565 | 7.9 % |
1/10/2565 | 7.3 % |
1/11/2565 | 9 % |
1/12/2565 | 6.9 % |
1/1/2566 | 9.8 % |
1/2/2566 | 9.6 % |
1/3/2566 | 9.6 % |
1/4/2566 | 8.1 % |
1/5/2566 | 7.1 % |
1/6/2566 | 7 % |
1/7/2566 | 7.1 % |
1/8/2566 | 7.7 % |
1/9/2566 | 8.7 % |
1/10/2566 | 8.7 % |
1/11/2566 | 9 % |
1/12/2566 | 8.7 % |
1/1/2567 | 4.3 % |
1/2/2567 | 3.9 % |
1/3/2567 | 2.7 % |
1/4/2567 | 3.4 % |
อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/4/2567 | 3.4 % |
1/3/2567 | 2.7 % |
1/2/2567 | 3.9 % |
1/1/2567 | 4.3 % |
1/12/2566 | 8.7 % |
1/11/2566 | 9 % |
1/10/2566 | 8.7 % |
1/9/2566 | 8.7 % |
1/8/2566 | 7.7 % |
1/7/2566 | 7.1 % |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇹🇱 CPI Transport | 111 points | 111 points | รายเดือน |
🇹🇱 เงินเฟ้อด้านอาหาร | 7.1 % | 6.4 % | รายเดือน |
🇹🇱 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) | 125.1 points | 124.6 points | รายเดือน |
🇹🇱 ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง | 101.9 points | 102 points | รายเดือน |
🇹🇱 อัตราเงินเฟ้อ MoM | 0.4 % | 0.4 % | รายเดือน |
ในประเทศติมอร์ตะวันออก อัตราเงินเฟ้อเป็นมาตรวัดการเพิ่มขึ้นหรือลดลงโดยทั่วไปในราคาที่ผู้บริโภคจ่ายสำหรับตะกร้ามาตรฐานของสินค้า ประเภทที่สำคัญที่สุดในดัชนีราคาผู้บริโภคติมอร์-เลสเตคือ อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (64 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักรวม) ซึ่งประกอบด้วย ข้าว (17 เปอร์เซ็นต์) ผัก (15 เปอร์เซ็นต์) และเนื้อสัตว์ (8 เปอร์เซ็นต์) ประเภทที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การคมนาคม (6 เปอร์เซ็นต์) เสื้อผ้าและรองเท้า (6 เปอร์เซ็นต์) ที่อยู่อาศัย (6 เปอร์เซ็นต์) แอลกอฮอล์และยาสูบ (5 เปอร์เซ็นต์) และการตกแต่งและอุปกรณ์ภายในบ้านและการบำรุงรักษาบ้านตามปกติ (4 เปอร์เซ็นต์) ดัชนียังรวมถึง การสันทนาการและวัฒนธรรม (3 เปอร์เซ็นต์) การสื่อสาร (2 เปอร์เซ็นต์) การศึกษา (2 เปอร์เซ็นต์) และสุขภาพ (1 เปอร์เซ็นต์)
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ