ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ออสเตรีย ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ออสเตรีย คือ 1.182 ล้านล้าน EUR ดุลการค้าใน ออสเตรีย เพิ่มขึ้นเป็น 1.182 ล้านล้าน EUR เมื่อ 1/2/2567 หลังจากที่เป็น 1.078 ล้านล้าน EUR เมื่อ 1/1/2567 จาก 1/1/2496 ถึง 1/3/2567 GDP เฉลี่ยใน ออสเตรีย คือ -312.5 ล้าน EUR มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/11/2566 โดยมีมูลค่า 1.94 ล้านล้าน EUR ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/8/2565 โดยมีมูลค่า -2.68 ล้านล้าน EUR
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/6/2496 | 1 ล้าน EUR |
1/7/2496 | 13 ล้าน EUR |
1/8/2496 | 11 ล้าน EUR |
1/9/2496 | 19 ล้าน EUR |
1/10/2496 | 12 ล้าน EUR |
1/2/2497 | 8 ล้าน EUR |
1/3/2497 | 2 ล้าน EUR |
1/4/2497 | 10 ล้าน EUR |
1/7/2497 | 3 ล้าน EUR |
1/9/2499 | 1 ล้าน EUR |
1/5/2545 | 144 ล้าน EUR |
1/6/2545 | 302 ล้าน EUR |
1/7/2545 | 68 ล้าน EUR |
1/10/2545 | 342 ล้าน EUR |
1/11/2545 | 187 ล้าน EUR |
1/7/2546 | 80 ล้าน EUR |
1/10/2546 | 226 ล้าน EUR |
1/2/2547 | 37 ล้าน EUR |
1/5/2547 | 288 ล้าน EUR |
1/6/2547 | 87 ล้าน EUR |
1/7/2547 | 6 ล้าน EUR |
1/6/2548 | 186 ล้าน EUR |
1/7/2548 | 94 ล้าน EUR |
1/10/2548 | 30 ล้าน EUR |
1/3/2549 | 374 ล้าน EUR |
1/6/2549 | 31 ล้าน EUR |
1/10/2549 | 193 ล้าน EUR |
1/11/2549 | 239 ล้าน EUR |
1/12/2549 | 74 ล้าน EUR |
1/1/2550 | 2 ล้าน EUR |
1/2/2550 | 8 ล้าน EUR |
1/3/2550 | 106 ล้าน EUR |
1/4/2550 | 241 ล้าน EUR |
1/5/2550 | 234 ล้าน EUR |
1/6/2550 | 285 ล้าน EUR |
1/7/2550 | 55 ล้าน EUR |
1/10/2550 | 343 ล้าน EUR |
1/11/2550 | 247 ล้าน EUR |
1/1/2551 | 241 ล้าน EUR |
1/2/2551 | 66 ล้าน EUR |
1/4/2551 | 137 ล้าน EUR |
1/9/2551 | 43 ล้าน EUR |
1/7/2553 | 88 ล้าน EUR |
1/3/2557 | 52 ล้าน EUR |
1/9/2557 | 7 ล้าน EUR |
1/11/2557 | 581 ล้าน EUR |
1/3/2558 | 64 ล้าน EUR |
1/4/2558 | 66 ล้าน EUR |
1/5/2558 | 31 ล้าน EUR |
1/6/2558 | 304 ล้าน EUR |
1/11/2558 | 180 ล้าน EUR |
1/4/2559 | 126 ล้าน EUR |
1/6/2559 | 32 ล้าน EUR |
1/10/2562 | 399 ล้าน EUR |
1/3/2563 | 70 ล้าน EUR |
1/7/2563 | 451 ล้าน EUR |
1/9/2563 | 100 ล้าน EUR |
1/3/2566 | 419 ล้าน EUR |
1/10/2566 | 822 ล้าน EUR |
1/11/2566 | 1.94 ล้านล้าน EUR |
1/12/2566 | 365 ล้าน EUR |
1/1/2567 | 1.08 ล้านล้าน EUR |
1/2/2567 | 1.18 ล้านล้าน EUR |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/2/2567 | 1.182 ล้านล้าน EUR |
1/1/2567 | 1.078 ล้านล้าน EUR |
1/12/2566 | 365 ล้าน EUR |
1/11/2566 | 1.936 ล้านล้าน EUR |
1/10/2566 | 822 ล้าน EUR |
1/3/2566 | 419 ล้าน EUR |
1/9/2563 | 100 ล้าน EUR |
1/7/2563 | 451 ล้าน EUR |
1/3/2563 | 70 ล้าน EUR |
1/10/2562 | 399 ล้าน EUR |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇦🇹 กระแสเงินทุน | -576 ล้าน EUR | 3.098 ล้านล้าน EUR | ควอร์เตอร์ |
🇦🇹 การขายอาวุธ | 10 ล้าน SIPRI TIV | 3 ล้าน SIPRI TIV | ประจำปี |
🇦🇹 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | -1.149 ล้านล้าน EUR | 4.001 ล้านล้าน EUR | ควอร์เตอร์ |
🇦🇹 การโอนเงิน | 80 ล้าน EUR | 60 ล้าน EUR | ควอร์เตอร์ |
🇦🇹 ดัชนีการก่อการร้าย | 0.953 Points | 2.677 Points | ประจำปี |
🇦🇹 ทองคำสำรอง | 279.99 Tonnes | 279.99 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇦🇹 นำเข้า | 15.312 ล้านล้าน EUR | 15.868 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇦🇹 นำเข้าก๊าซธรรมชาติ | 48,256 Terajoule | 42,907 Terajoule | รายเดือน |
🇦🇹 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | 681 ล้าน EUR | 8.116 ล้านล้าน EUR | ควอร์เตอร์ |
🇦🇹 ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า | 2.359 ล้าน | 3.848 ล้าน | รายเดือน |
🇦🇹 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | 2.7 % of GDP | -0.3 % of GDP | ประจำปี |
🇦🇹 ส่งออก | 16.63 ล้านล้าน EUR | 16.649 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇦🇹 หนี้สาธารณะต่างประเทศต่อจีดีพี | 153 % of GDP | 148 % of GDP | ควอร์เตอร์ |
🇦🇹 หนี้สินต่างประเทศ | 668.98 ล้านล้าน EUR | 664.135 ล้านล้าน EUR | ควอร์เตอร์ |
เศรษฐกิจของออสเตรียพึ่งพาการค้าต่างประเทศและเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเศรษฐกิจของประเทศในสหภาพยุโรปอื่น ๆ โดยเฉพาะเยอรมนี สินค้าส่งออกที่สำคัญของออสเตรียได้แก่ ยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์กระดาษ ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ ยานยนต์ สารเคมี ผลิตภัณฑ์เหล็ก น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน และอาหาร
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว