ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇷🇺

รัสเซีย ดุลการค้า

ราคา

18.892 ล้านล้าน USD
การเปลี่ยนแปลง +/-
+10.377 ล้านล้าน USD
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+75.73 %

มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน รัสเซีย คือ 18.892 ล้านล้าน USD ดุลการค้าใน รัสเซีย เพิ่มขึ้นเป็น 18.892 ล้านล้าน USD เมื่อ 1/3/2567 หลังจากที่เป็น 8.515 ล้านล้าน USD เมื่อ 1/2/2567 จาก 1/9/2539 ถึง 1/4/2567 GDP เฉลี่ยใน รัสเซีย คือ 10.27 ล้านล้าน USD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/3/2565 โดยมีมูลค่า 37.46 ล้านล้าน USD ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/2/2541 โดยมีมูลค่า -203 ล้าน USD

แหล่งที่มา: Central Bank of Russia

ดุลการค้า

  • แม็กซ์

ยอดการค้า

ดุลการค้า ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/3/256718.892 ล้านล้าน USD
1/2/25678.515 ล้านล้าน USD
1/1/25677.347 ล้านล้าน USD
1/12/256610.788 ล้านล้าน USD
1/11/25669.402 ล้านล้าน USD
1/10/256610.793 ล้านล้าน USD
1/9/256615.444 ล้านล้าน USD
1/8/256611.691 ล้านล้าน USD
1/7/25666.17 ล้านล้าน USD
1/6/25669.013 ล้านล้าน USD
1
2
3
4
5
...
33

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇷🇺
กระแสเงินทุน
17.059 ล้านล้าน USD24.956 ล้านล้าน USDควอร์เตอร์
🇷🇺
การขายอาวุธ
1.269 ล้านล้าน SIPRI TIV2.603 ล้านล้าน SIPRI TIVประจำปี
🇷🇺
การผลิตน้ำมันดิบ
10,026 BBL/D/1K10,101 BBL/D/1Kรายเดือน
🇷🇺
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ
18.891 ล้านล้าน USD-44.284 ล้านล้าน USDควอร์เตอร์
🇷🇺
ดัชนีการก่อการร้าย
3.016 Points3.799 Pointsประจำปี
🇷🇺
ทองคำสำรอง
2,332.74 Tonnes2,332.74 Tonnesควอร์เตอร์
🇷🇺
นำเข้า
22.508 ล้านล้าน USD22.579 ล้านล้าน USDรายเดือน
🇷🇺
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด
18 ล้านล้าน USD22.555 ล้านล้าน USDควอร์เตอร์
🇷🇺
ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
2.5 % of GDP10.5 % of GDPประจำปี
🇷🇺
ส่งออก
33.171 ล้านล้าน USD41.472 ล้านล้าน USDรายเดือน
🇷🇺
หนี้สินต่างประเทศ
306.1 ล้านล้าน USD302.7 ล้านล้าน USDควอร์เตอร์

รัสเซียได้มียอดเกินดุลการค้าอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปี 1998 ส่วนใหญ่เกิดจากการส่งออกสินค้าทรัพยากรธรรมชาติอย่างน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ประเทศที่มียอดเกินดุลการค้ามากที่สุดคือ เนเธอร์แลนด์ ตุรกี อิตาลี และญี่ปุ่น ขณะที่ประเทศที่มียอดขาดดุลการค้ามากที่สุดคือ จีน สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร ดุลการค้า

ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว