ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇧🇾

เบลารุส ยอดขายปลีก รายเดือน (MoM)

ราคา

15.4 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
+12.2 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+131.18 %

มูลค่าปัจจุบันของยอดขายปลีก รายเดือน (MoM) ใน เบลารุส คือ 15.4 % ยอดขายปลีก รายเดือน (MoM) ใน เบลารุส เพิ่มขึ้นเป็น 15.4 % เมื่อ 1/12/2566, หลังจากที่มันเป็น 3.2 % เมื่อ 1/10/2566 ตั้งแต่ 1/1/2553 ถึง 1/2/2567, ค่าเฉลี่ย GDP ใน เบลารุส คือ 0.86 % มูลค่าที่สูงสุดตลอดเวลาถูกบันทึกเมื่อ 1/12/2556 ที่ 27.2 %, ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อ 1/1/2557 ที่ -27.1 %

แหล่งที่มา: National Statistical Committee of the Republic of Belarus

ยอดขายปลีก รายเดือน (MoM)

  • แม็กซ์

ยอดขายปลีกเดือนต่อเดือnego

ยอดขายปลีก รายเดือน (MoM) ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/12/256615.4 %
1/10/25663.2 %
1/8/25662.3 %
1/7/25661.9 %
1/6/25661.4 %
1/5/25665.1 %
1/3/256617 %
1/12/256517.5 %
1/10/25650.8 %
1/8/25651.6 %
1
2
3
4
5
...
10

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ยอดขายปลีก รายเดือน (MoM)

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇧🇾
การใช้จ่ายของผู้บริโภค
19.957 ล้านล้าน BYN19.803 ล้านล้าน BYNควอร์เตอร์
🇧🇾
ยอดขายปลีกประจำปี
15.4 %9.9 %รายเดือน
🇧🇾
ราคาน้ำมันเบนซิน
0.65 USD/Liter0.63 USD/Literรายเดือน

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร ยอดขายปลีก รายเดือน (MoM)

ยอดขายปลีก MoM (Month-over-Month) หรือยอดขายปลีกรายเดือน คือดัชนีทางเศรษฐกิจที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการขายสินค้าปลีกในช่วงเวลารายเดือน โดยปกติดัชนีนี้จะถูกตีพิมพ์ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ และถือเป็นหนึ่งในดัชนีที่สำคัญในการวัดดัชนีทางเศรษฐกิจที่ช่วยนำเสนอสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ การวิเคราะห์และตีความข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนักเศรษฐศาสตร์ รัฐบาล นักลงทุน และบุคคลสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดการเงินและการลงทุน ในแง่ของเศรษฐกิจ ดัชนียอดขายปลีก MoM มักถูกใช้เพื่อทำนายแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้น การเปลี่ยนแปลงของยอดขายปลีกสามารถชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของ GDP (Gross Domestic Product) ผู้บริโภคมีสัดส่วนการใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดในเศรษฐกิจ ทำให้การเปลี่ยนแปลงของยอดขายปลีกมีผลกระทบต่อตลาดแรงงาน จ้างงาน และนโยบายการเงินของธนาคารกลาง การวิเคราะห์ยอดขายปลีก MoM จะพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง เช่น ส่วนลด โปรโมชั่น ฤดูกาล และเหตุการณ์พิเศษ การเปลี่ยนแปลงในยอดขายที่ไม่มีการควบคุมอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ การทำความเข้าใจถึงบริบทที่เกี่ยวข้องสามารถให้ภาพชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับความหมายที่แฝงอยู่ในตัวเลข ขณะที่ยอดขายปลีก MoM อาจมีความผันผวนสูงในระยะสั้น แต่ก็ยังเป็นดัชนีที่สำคัญในการวางแผนกลยุทธ์การตลาด และการตัดสินใจทางธุรกิจ การเปรียบเทียบยอดขายปลีกระหว่างเดือนต่าง ๆ ช่วยให้บริษัทสามารถระบุแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในตลาด การศึกษาในระยะยาวของยอดขายช่วยให้เห็นถึงความเสถียรและการเจริญเติบโตขององค์กร การที่ยอดขายปลีก MoM มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงการเจริญเติบโต ปัจจัยหลายอย่างที่สนับสนุนการเพิ่มขึ้นของยอดขาย เช่น การเพิ่มขึ้นของระดับรายได้ของประชาชน อัตราการว่างงานลดลง และการบริโภคเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้นหากเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ยอดขายปลีกมีการเพิ่มขึ้น การใช้ข้อมูลจากยอดขายปลีก MoM ในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดและการตัดสินใจทางธุรกิจจะพิจารณาจากหลายแง่มุม เช่น การเลือกเวลาที่เหมาะสมในการเปิดตัวสินค้าใหม่ การจัดโปรโมชั่นและส่วนลด การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งยังสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์การขายให้ได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดีที่สุด ข้อมูลยอดขายปลีก MoM ยังคงเป็นเครื่องมือที่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยในการพยากรณ์และวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจในอนาคต ผู้ที่ลงทุนในตลาดการเงินสามารถพิจารณาข้อมูลนี้เพื่อเตรียมตัวและปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอการลงทุนให้เหมาะกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป การศึกษาแนวโน้มของยอดขายปลีก MoM ช่วยให้นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงในการลงทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ รัฐบาลและธนาคารกลางมักใช้ข้อมูลจากยอดขายปลีก MoM ในการประเมินและพัฒนานโยบายทางเศรษฐกิจ การวิเคราะห์และใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจเชิงเมตตระและเชิงนโยบาย เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ย นโยบายการเงิน และการบริหารจัดการการเงินของรัฐ เป็นการใช้ข้อมูลยอดขายปลีกเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจให้ยั่งยืน สรุปได้ว่าดัชนียอดขายปลีก MoM เป็นดัชนีทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวัดสภาวะทางเศรษฐกิจและการเงิน การวิเคราะห์และการตีความข้อมูลเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการทำความเข้าใจสภาพเศรษฐกิจและการสร้างกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจ รัฐบาล นักเศรษฐศาสตร์ นักลงทุน และผู้ประกอบการสามารถเตรียมตัวและปรับเปลี่ยนตามสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน