ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร อุซเบกิสถาน ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน อุซเบกิสถาน คือ 763.2 ล้าน USD ดุลการค้าใน อุซเบกิสถาน เพิ่มขึ้นเป็น 763.2 ล้าน USD เมื่อ 1/11/2564 หลังจากที่เป็น 254.4 ล้าน USD เมื่อ 1/5/2564 จาก 1/12/2543 ถึง 1/3/2567 GDP เฉลี่ยใน อุซเบกิสถาน คือ -207.51 ล้าน USD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/9/2551 โดยมีมูลค่า 2.02 ล้านล้าน USD ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/12/2566 โดยมีมูลค่า -2.81 ล้านล้าน USD
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/12/2543 | 317.3 ล้าน USD |
1/12/2544 | 33.4 ล้าน USD |
1/12/2545 | 276.4 ล้าน USD |
1/12/2546 | 760.8 ล้าน USD |
1/12/2547 | 1.04 ล้านล้าน USD |
1/12/2548 | 1.32 ล้านล้าน USD |
1/3/2549 | 387.1 ล้าน USD |
1/6/2549 | 326.3 ล้าน USD |
1/9/2549 | 83.9 ล้าน USD |
1/12/2549 | 810.9 ล้าน USD |
1/3/2550 | 1.8 ล้าน USD |
1/6/2550 | 1.65 ล้านล้าน USD |
1/9/2550 | 641.1 ล้าน USD |
1/12/2550 | 1.46 ล้านล้าน USD |
1/3/2551 | 778.2 ล้าน USD |
1/6/2551 | 1.67 ล้านล้าน USD |
1/9/2551 | 2.02 ล้านล้าน USD |
1/3/2552 | 206.9 ล้าน USD |
1/6/2552 | 1.36 ล้านล้าน USD |
1/9/2552 | 762.4 ล้าน USD |
1/3/2553 | 1.08 ล้านล้าน USD |
1/6/2553 | 1.46 ล้านล้าน USD |
1/9/2553 | 1.08 ล้านล้าน USD |
1/12/2553 | 620.2 ล้าน USD |
1/3/2554 | 1.22 ล้านล้าน USD |
1/6/2554 | 1.19 ล้านล้าน USD |
1/9/2554 | 1.41 ล้านล้าน USD |
1/12/2554 | 688.2 ล้าน USD |
1/3/2555 | 359.4 ล้าน USD |
1/6/2555 | 882.3 ล้าน USD |
1/9/2555 | 714.2 ล้าน USD |
1/12/2555 | 275.2 ล้าน USD |
1/12/2556 | 375.8 ล้าน USD |
1/6/2557 | 595.1 ล้าน USD |
1/9/2557 | 432.3 ล้าน USD |
1/3/2558 | 181.5 ล้าน USD |
1/9/2558 | 134.4 ล้าน USD |
1/12/2558 | 237.3 ล้าน USD |
1/3/2559 | 479.2 ล้าน USD |
1/6/2559 | 331.8 ล้าน USD |
1/9/2559 | 547.1 ล้าน USD |
1/12/2559 | 951 ล้าน USD |
1/3/2560 | 46.6 ล้าน USD |
1/5/2560 | 83.5 ล้าน USD |
1/8/2560 | 147 ล้าน USD |
1/9/2560 | 115.9 ล้าน USD |
1/10/2560 | 11.9 ล้าน USD |
1/1/2561 | 231 ล้าน USD |
1/12/2561 | 539.5 ล้าน USD |
1/6/2562 | 103.9 ล้าน USD |
1/7/2563 | 307.9 ล้าน USD |
1/8/2563 | 1.66 ล้านล้าน USD |
1/5/2564 | 254.4 ล้าน USD |
1/11/2564 | 763.2 ล้าน USD |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/11/2564 | 763.2 ล้าน USD |
1/5/2564 | 254.4 ล้าน USD |
1/8/2563 | 1.657 ล้านล้าน USD |
1/7/2563 | 307.9 ล้าน USD |
1/6/2562 | 103.9 ล้าน USD |
1/12/2561 | 539.5 ล้าน USD |
1/1/2561 | 231 ล้าน USD |
1/10/2560 | 11.9 ล้าน USD |
1/9/2560 | 115.9 ล้าน USD |
1/8/2560 | 147 ล้าน USD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇺🇿 กระแสเงินทุน | -577.22 ล้าน USD | -4.478 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇺🇿 การผลิตน้ำมันดิบ | 32 BBL/D/1K | 32 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇺🇿 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | 382.25 ล้าน USD | 507.3 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇺🇿 การโอนเงิน | 3.15 ล้านล้าน USD | 2.796 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇺🇿 ดัชนีการก่อการร้าย | 0.423 Points | 1.731 Points | ประจำปี |
🇺🇿 ทองคำสำรอง | 371.37 Tonnes | 371.37 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇺🇿 นำเข้า | 3.151 ล้านล้าน USD | 3.206 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇺🇿 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | -1.379 ล้านล้าน USD | -3.63 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇺🇿 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | -0.8 % of GDP | -7 % of GDP | ประจำปี |
🇺🇿 ส่งออก | 2.753 ล้านล้าน USD | 2.515 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇺🇿 หนี้สินต่างประเทศ | 60.961 ล้านล้าน USD | 55.77 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติที่ส่งออก อุซเบกิสถานมีการเกินดุลทางการค้าอย่างต่อเนื่อง อุซเบกิสถานส่วนใหญ่ส่งออกน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ทองคำ เครื่องจักรและอุปกรณ์ และอาหาร อุซเบกิสถานนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์เคมี อาหาร และโลหะ คู่ค้าหลักของอุซเบกิสถานคือ รัสเซีย ประเทศจีน คาซัคสถาน สาธารณรัฐเกาหลี อัฟกานิสถาน ตุรกี ยูเครน และเยอรมนี
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว