ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ยูเครน ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ยูเครน คือ 880.7 ล้าน USD ดุลการค้าใน ยูเครน เพิ่มขึ้นเป็น 880.7 ล้าน USD เมื่อ 1/3/2565 หลังจากที่เป็น 268.6 ล้าน USD เมื่อ 1/5/2564 จาก 1/5/2544 ถึง 1/4/2567 GDP เฉลี่ยใน ยูเครน คือ -648.21 ล้าน USD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/3/2565 โดยมีมูลค่า 880.7 ล้าน USD ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/12/2566 โดยมีมูลค่า -3.02 ล้านล้าน USD
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/5/2544 | 421 ล้าน USD |
1/6/2544 | 172.4 ล้าน USD |
1/7/2544 | 134.3 ล้าน USD |
1/9/2544 | 6.6 ล้าน USD |
1/10/2544 | 95.6 ล้าน USD |
1/1/2545 | 190 ล้าน USD |
1/2/2545 | 146.4 ล้าน USD |
1/4/2545 | 48.9 ล้าน USD |
1/5/2545 | 98.5 ล้าน USD |
1/6/2545 | 7.3 ล้าน USD |
1/8/2545 | 34.3 ล้าน USD |
1/9/2545 | 228 ล้าน USD |
1/10/2545 | 144.2 ล้าน USD |
1/11/2545 | 182.6 ล้าน USD |
1/1/2546 | 145.3 ล้าน USD |
1/2/2546 | 139.1 ล้าน USD |
1/3/2546 | 126.3 ล้าน USD |
1/5/2546 | 48.4 ล้าน USD |
1/7/2546 | 11.5 ล้าน USD |
1/11/2546 | 29.3 ล้าน USD |
1/1/2547 | 393.8 ล้าน USD |
1/2/2547 | 217.5 ล้าน USD |
1/3/2547 | 245.9 ล้าน USD |
1/4/2547 | 688 ล้าน USD |
1/5/2547 | 590.3 ล้าน USD |
1/6/2547 | 275.7 ล้าน USD |
1/7/2547 | 151 ล้าน USD |
1/8/2547 | 400.6 ล้าน USD |
1/9/2547 | 187.7 ล้าน USD |
1/10/2547 | 55.7 ล้าน USD |
1/11/2547 | 206.2 ล้าน USD |
1/12/2547 | 263.9 ล้าน USD |
1/1/2548 | 685 ล้าน USD |
1/2/2548 | 231.1 ล้าน USD |
1/5/2548 | 200,000 USD |
1/1/2552 | 395.3 ล้าน USD |
1/3/2557 | 217 ล้าน USD |
1/4/2557 | 401.1 ล้าน USD |
1/5/2557 | 173.9 ล้าน USD |
1/6/2557 | 43.9 ล้าน USD |
1/7/2557 | 312 ล้าน USD |
1/8/2557 | 285.4 ล้าน USD |
1/3/2558 | 277.1 ล้าน USD |
1/4/2558 | 213.7 ล้าน USD |
1/5/2558 | 311.6 ล้าน USD |
1/6/2558 | 338 ล้าน USD |
1/7/2558 | 165.5 ล้าน USD |
1/9/2558 | 117.18 ล้าน USD |
1/12/2558 | 382.9 ล้าน USD |
1/4/2559 | 80.6 ล้าน USD |
1/5/2559 | 186.7 ล้าน USD |
1/6/2559 | 11.4 ล้าน USD |
1/1/2562 | 20.9 ล้าน USD |
1/1/2563 | 138.1 ล้าน USD |
1/4/2563 | 384.7 ล้าน USD |
1/5/2563 | 53.9 ล้าน USD |
1/4/2564 | 34.8 ล้าน USD |
1/5/2564 | 268.6 ล้าน USD |
1/3/2565 | 880.7 ล้าน USD |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/3/2565 | 880.7 ล้าน USD |
1/5/2564 | 268.6 ล้าน USD |
1/4/2564 | 34.8 ล้าน USD |
1/5/2563 | 53.9 ล้าน USD |
1/4/2563 | 384.7 ล้าน USD |
1/1/2563 | 138.1 ล้าน USD |
1/1/2562 | 20.9 ล้าน USD |
1/6/2559 | 11.4 ล้าน USD |
1/5/2559 | 186.7 ล้าน USD |
1/4/2559 | 80.6 ล้าน USD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇺🇦 กระแสเงินทุน | -5.258 ล้านล้าน USD | -3.01 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇺🇦 การขายอาวุธ | 34 ล้าน SIPRI TIV | 72 ล้าน SIPRI TIV | ประจำปี |
🇺🇦 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | 152 ล้าน USD | 1.627 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇺🇦 การโอนเงิน | 2.895 ล้านล้าน USD | 2.822 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇺🇦 เงื่อนไขการซื้อขาย | 88.8 points | 83.9 points | รายเดือน |
🇺🇦 ดัชนีการก่อการร้าย | 1.686 Points | 1.535 Points | ประจำปี |
🇺🇦 ทองคำสำรอง | 27.06 Tonnes | 27.06 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇺🇦 นำเข้า | 5.94 ล้านล้าน USD | 5.937 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇺🇦 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | -2.201 ล้านล้าน USD | -1.697 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇺🇦 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | -5.7 % of GDP | 5 % of GDP | ประจำปี |
🇺🇦 ส่งออก | 3.391 ล้านล้าน USD | 3.25 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇺🇦 หนี้สินต่างประเทศ | 167.831 ล้านล้าน USD | 161.533 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
ยูเครนส่งออกหลักคือ เหล็ก, ถ่านหิน, เชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม, สารเคมี, เครื่องจักรและอุปกรณ์การขนส่ง และธัญพืช เช่น ข้าวบาร์เลย์, ข้าวโพด และข้าวสาลี มากกว่า 60% ของการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ที่เคยเป็นสาธารณรัฐโซเวียต โดยมีรัสเซีย, คาซัคสถาน และเบลารุส เป็นตลาดสำคัญ นอกจากนี้ยังมีตุรกีและจีนเป็นตลาดที่สำคัญอีกด้วย ยูเครนนำเข้าส่วนใหญ่เป็นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ, เครื่องจักรและอุปกรณ์, สารเคมี คู่ค้าที่นำเข้าหลักคือประเทศที่เคยเป็นสาธารณรัฐโซเวียต (รัสเซียและเบลารุสเป็นสำคัญ) เยอรมนี, จีน และโปแลนด์ก็มีความสำคัญเพิ่มขึ้นในช่วงปีหลังๆ
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว