ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ตุรกี ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ตุรกี คือ 187.981 ล้าน USD ดุลการค้าใน ตุรกี เพิ่มขึ้นเป็น 187.981 ล้าน USD เมื่อ 1/10/2561 หลังจากที่เป็น 3.603 ล้าน USD เมื่อ 1/1/2515 จาก 1/1/2500 ถึง 1/5/2567 GDP เฉลี่ยใน ตุรกี คือ -2.03 ล้านล้าน USD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/10/2561 โดยมีมูลค่า 187.98 ล้าน USD ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/1/2566 โดยมีมูลค่า -14.29 ล้านล้าน USD
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/1/2500 | 11.1 ล้าน USD |
1/3/2500 | 3.2 ล้าน USD |
1/4/2500 | 9.2 ล้าน USD |
1/12/2500 | 13.3 ล้าน USD |
1/1/2501 | 7.5 ล้าน USD |
1/2/2501 | 2.5 ล้าน USD |
1/9/2501 | 2.9 ล้าน USD |
1/12/2501 | 11.8 ล้าน USD |
1/2/2502 | 4.7 ล้าน USD |
1/3/2502 | 5 ล้าน USD |
1/12/2502 | 6 ล้าน USD |
1/1/2503 | 13.6 ล้าน USD |
1/10/2503 | 700,000 USD |
1/12/2503 | 5.9 ล้าน USD |
1/1/2504 | 9.9 ล้าน USD |
1/11/2504 | 9.9 ล้าน USD |
1/1/2505 | 6.6 ล้าน USD |
1/10/2507 | 16.9 ล้าน USD |
1/11/2507 | 16.6 ล้าน USD |
1/12/2507 | 19.8 ล้าน USD |
1/11/2508 | 5.9 ล้าน USD |
1/12/2508 | 21.6 ล้าน USD |
1/1/2509 | 5.3 ล้าน USD |
1/12/2509 | 9.8 ล้าน USD |
1/1/2510 | 3.3 ล้าน USD |
1/10/2510 | 500,000 USD |
1/11/2510 | 18.8 ล้าน USD |
1/12/2510 | 13.5 ล้าน USD |
1/1/2511 | 6.7 ล้าน USD |
1/10/2511 | 800,000 USD |
1/10/2512 | 4.02 ล้าน USD |
1/10/2513 | 12.89 ล้าน USD |
1/11/2513 | 4.28 ล้าน USD |
1/11/2514 | 12.25 ล้าน USD |
1/12/2514 | 24.51 ล้าน USD |
1/1/2515 | 3.6 ล้าน USD |
1/10/2561 | 187.98 ล้าน USD |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/10/2561 | 187.981 ล้าน USD |
1/1/2515 | 3.603 ล้าน USD |
1/12/2514 | 24.508 ล้าน USD |
1/11/2514 | 12.245 ล้าน USD |
1/11/2513 | 4.275 ล้าน USD |
1/10/2513 | 12.891 ล้าน USD |
1/10/2512 | 4.022 ล้าน USD |
1/10/2511 | 800,000 USD |
1/1/2511 | 6.7 ล้าน USD |
1/12/2510 | 13.5 ล้าน USD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇹🇷 กระแสเงินทุน | 630 ล้าน USD | 1.573 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇹🇷 การขายอาวุธ | 609 ล้าน SIPRI TIV | 535 ล้าน SIPRI TIV | ประจำปี |
🇹🇷 การผลิตน้ำมันดิบ | 97 BBL/D/1K | 94 BBL/D/1K | รายเดือน |
🇹🇷 การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | 561 ล้าน USD | 590 ล้าน USD | รายเดือน |
🇹🇷 การโอนเงิน | 8 ล้าน USD | 8 ล้าน USD | รายเดือน |
🇹🇷 เงื่อนไขการซื้อขาย | 88.26 points | 88.06 points | รายเดือน |
🇹🇷 ดัชนีการก่อการร้าย | 4.168 Points | 5.6 Points | ประจำปี |
🇹🇷 ทองคำสำรอง | 584.93 Tonnes | 570.3 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇹🇷 นำเข้า | 30.568 ล้านล้าน USD | 29.145 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇹🇷 นำเข้าก๊าซธรรมชาติ | 129,372.334 Terajoule | 149,099.47 Terajoule | รายเดือน |
🇹🇷 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | 4.324 ล้านล้าน USD | 778 ล้าน USD | รายเดือน |
🇹🇷 ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า | 6.054 ล้าน | 6.825 ล้าน | รายเดือน |
🇹🇷 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | -4 % of GDP | -5.1 % of GDP | ประจำปี |
🇹🇷 รายได้จากการท่องเที่ยว | 8.78 ล้านล้าน USD | 12.27 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇹🇷 ส่งออก | 24.066 ล้านล้าน USD | 19.228 ล้านล้าน USD | รายเดือน |
🇹🇷 หนี้สินต่างประเทศ | 499.886 ล้านล้าน USD | 481.321 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
ดุลการค้าของประเทศตุรกีมีการขาดดุลมาตั้งแต่ปี 1947 การส่งออกหลักของตุรกีประกอบด้วยยานยนต์, สิ่งทอ, เหล็กและเหล็กกล้า, เสื้อผ้า และอาหาร ในขณะที่การนำเข้าประกอบด้วยเครื่องจักรและอุปกรณ์การขนส่ง, สินค้าที่ผ่านกระบวนการผลิต, เชื้อเพลิงแร่และสารหล่อลื่น และสารเคมี โดยการขาดดุลการค้าสูงสุดที่บันทึกไว้คือกับจีน, รัสเซีย, เยอรมนี, เกาหลีใต้, สวิตเซอร์แลนด์, อินเดีย, อิหร่าน และญี่ปุ่น ในขณะที่การเกินดุลการค้าสูงสุดที่บันทึกไว้คือกับอิรัก, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, ซีเรีย, ไซปรัสเหนือ และอาเซอร์ไบจาน
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว