ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร สิงคโปร์ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน สิงคโปร์ คือ 75.741 ล้านล้าน SGD การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน สิงคโปร์ เพิ่มขึ้นเป็น 75.741 ล้านล้าน SGD ในวันที่ 1/12/2566 หลังจากที่มันอยู่ที่ 44.608 ล้านล้าน SGD เมื่อวันที่ 1/9/2566 ตั้งแต่ 1/3/2538 ถึง 1/3/2567 GDP เฉลี่ยใน สิงคโปร์ คือ 18.83 ล้านล้าน SGD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1/12/2566 ด้วย 75.74 ล้านล้าน SGD ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อวันที่ 1/6/2546 ด้วย -4.44 ล้านล้าน SGD
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ·
แม็กซ์
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ | |
---|---|
1/3/2538 | 2.45 ล้านล้าน SGD |
1/6/2538 | 4.7 ล้านล้าน SGD |
1/9/2538 | 3.87 ล้านล้าน SGD |
1/12/2538 | 5.91 ล้านล้าน SGD |
1/3/2539 | 2.31 ล้านล้าน SGD |
1/6/2539 | 4.66 ล้านล้าน SGD |
1/9/2539 | 3.86 ล้านล้าน SGD |
1/12/2539 | 5.3 ล้านล้าน SGD |
1/3/2540 | 4.27 ล้านล้าน SGD |
1/6/2540 | 2.54 ล้านล้าน SGD |
1/9/2540 | 11.56 ล้านล้าน SGD |
1/12/2540 | 4.94 ล้านล้าน SGD |
1/3/2541 | 484.3 ล้าน SGD |
1/6/2541 | 4.86 ล้านล้าน SGD |
1/9/2541 | 4.92 ล้านล้าน SGD |
1/3/2542 | 14.7 ล้านล้าน SGD |
1/6/2542 | 6.05 ล้านล้าน SGD |
1/9/2542 | 4.17 ล้านล้าน SGD |
1/12/2542 | 7.04 ล้านล้าน SGD |
1/3/2543 | 6.55 ล้านล้าน SGD |
1/6/2543 | 4.31 ล้านล้าน SGD |
1/9/2543 | 6.91 ล้านล้าน SGD |
1/12/2543 | 8.97 ล้านล้าน SGD |
1/3/2544 | 5.36 ล้านล้าน SGD |
1/6/2544 | 6.45 ล้านล้าน SGD |
1/9/2544 | 7.46 ล้านล้าน SGD |
1/12/2544 | 11.21 ล้านล้าน SGD |
1/3/2545 | 9.22 ล้านล้าน SGD |
1/6/2545 | 561.5 ล้าน SGD |
1/12/2545 | 2.92 ล้านล้าน SGD |
1/3/2546 | 16.02 ล้านล้าน SGD |
1/9/2546 | 8.2 ล้านล้าน SGD |
1/12/2546 | 9.93 ล้านล้าน SGD |
1/3/2547 | 12.87 ล้านล้าน SGD |
1/6/2547 | 12.42 ล้านล้าน SGD |
1/9/2547 | 6.05 ล้านล้าน SGD |
1/12/2547 | 9.88 ล้านล้าน SGD |
1/3/2548 | 7.58 ล้านล้าน SGD |
1/6/2548 | 7.98 ล้านล้าน SGD |
1/9/2548 | 7.99 ล้านล้าน SGD |
1/12/2548 | 8.59 ล้านล้าน SGD |
1/3/2549 | 14.56 ล้านล้าน SGD |
1/6/2549 | 16.26 ล้านล้าน SGD |
1/9/2549 | 11.58 ล้านล้าน SGD |
1/12/2549 | 19.77 ล้านล้าน SGD |
1/3/2550 | 18.21 ล้านล้าน SGD |
1/6/2550 | 20.53 ล้านล้าน SGD |
1/9/2550 | 18.28 ล้านล้าน SGD |
1/12/2550 | 14.33 ล้านล้าน SGD |
1/3/2551 | 6.36 ล้านล้าน SGD |
1/6/2551 | 6.57 ล้านล้าน SGD |
1/9/2551 | 1.36 ล้านล้าน SGD |
1/12/2551 | 4.95 ล้านล้าน SGD |
1/3/2552 | 6.76 ล้านล้าน SGD |
1/6/2552 | 8 ล้านล้าน SGD |
1/9/2552 | 7.03 ล้านล้าน SGD |
1/12/2552 | 12.29 ล้านล้าน SGD |
1/3/2553 | 14.38 ล้านล้าน SGD |
1/6/2553 | 18.8 ล้านล้าน SGD |
1/9/2553 | 19.72 ล้านล้าน SGD |
1/12/2553 | 22.54 ล้านล้าน SGD |
1/3/2554 | 12.38 ล้านล้าน SGD |
1/6/2554 | 13.77 ล้านล้าน SGD |
1/9/2554 | 17.69 ล้านล้าน SGD |
1/12/2554 | 17.98 ล้านล้าน SGD |
1/3/2555 | 9.17 ล้านล้าน SGD |
1/6/2555 | 21.99 ล้านล้าน SGD |
1/9/2555 | 15.81 ล้านล้าน SGD |
1/12/2555 | 22.15 ล้านล้าน SGD |
1/3/2556 | 22.53 ล้านล้าน SGD |
1/6/2556 | 16.04 ล้านล้าน SGD |
1/9/2556 | 22.72 ล้านล้าน SGD |
1/12/2556 | 19.29 ล้านล้าน SGD |
1/3/2557 | 29.07 ล้านล้าน SGD |
1/6/2557 | 16.73 ล้านล้าน SGD |
1/9/2557 | 18.96 ล้านล้าน SGD |
1/12/2557 | 22.27 ล้านล้าน SGD |
1/3/2558 | 22.59 ล้านล้าน SGD |
1/6/2558 | 25.34 ล้านล้าน SGD |
1/9/2558 | 25.84 ล้านล้าน SGD |
1/12/2558 | 22.16 ล้านล้าน SGD |
1/3/2559 | 13.41 ล้านล้าน SGD |
1/6/2559 | 30.79 ล้านล้าน SGD |
1/9/2559 | 16.63 ล้านล้าน SGD |
1/12/2559 | 29.48 ล้านล้าน SGD |
1/3/2560 | 45.89 ล้านล้าน SGD |
1/6/2560 | 18.05 ล้านล้าน SGD |
1/9/2560 | 43.34 ล้านล้าน SGD |
1/12/2560 | 33.8 ล้านล้าน SGD |
1/3/2561 | 30.69 ล้านล้าน SGD |
1/6/2561 | 24.74 ล้านล้าน SGD |
1/9/2561 | 34.76 ล้านล้าน SGD |
1/12/2561 | 20.43 ล้านล้าน SGD |
1/3/2562 | 31.06 ล้านล้าน SGD |
1/6/2562 | 28.87 ล้านล้าน SGD |
1/9/2562 | 38.82 ล้านล้าน SGD |
1/12/2562 | 45.69 ล้านล้าน SGD |
1/3/2563 | 35.89 ล้านล้าน SGD |
1/6/2563 | 24.4 ล้านล้าน SGD |
1/9/2563 | 22.23 ล้านล้าน SGD |
1/12/2563 | 28.88 ล้านล้าน SGD |
1/3/2564 | 48.44 ล้านล้าน SGD |
1/6/2564 | 51.95 ล้านล้าน SGD |
1/9/2564 | 43.95 ล้านล้าน SGD |
1/12/2564 | 40.08 ล้านล้าน SGD |
1/3/2565 | 50.27 ล้านล้าน SGD |
1/6/2565 | 47.13 ล้านล้าน SGD |
1/9/2565 | 44.53 ล้านล้าน SGD |
1/12/2565 | 63.17 ล้านล้าน SGD |
1/3/2566 | 55.73 ล้านล้าน SGD |
1/6/2566 | 59.22 ล้านล้าน SGD |
1/9/2566 | 44.61 ล้านล้าน SGD |
1/12/2566 | 75.74 ล้านล้าน SGD |
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/12/2566 | 75.741 ล้านล้าน SGD |
1/9/2566 | 44.608 ล้านล้าน SGD |
1/6/2566 | 59.225 ล้านล้าน SGD |
1/3/2566 | 55.735 ล้านล้าน SGD |
1/12/2565 | 63.169 ล้านล้าน SGD |
1/9/2565 | 44.525 ล้านล้าน SGD |
1/6/2565 | 47.128 ล้านล้าน SGD |
1/3/2565 | 50.274 ล้านล้าน SGD |
1/12/2564 | 40.083 ล้านล้าน SGD |
1/9/2564 | 43.949 ล้านล้าน SGD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇸🇬 กระแสเงินทุน | 27.119 ล้านล้าน SGD | 10.527 ล้านล้าน SGD | ควอร์เตอร์ |
🇸🇬 การส่งออกที่ไม่ใช่การส่งออกน้ำมัน | -0.1 % | 7.6 % | รายเดือน |
🇸🇬 การส่งออกภายในประเทศที่ไม่ใช่น้ำมัน (NODX) (%YoY) | -0.1 % | -9.3 % | รายเดือน |
🇸🇬 เงื่อนไขการซื้อขาย | 100.512 points | 101.89 points | รายเดือน |
🇸🇬 ดัชนีการก่อการร้าย | 0 Points | 0 Points | ประจำปี |
🇸🇬 ทองคำสำรอง | 228.86 Tonnes | 236.6 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇸🇬 นำเข้า | 50.213 ล้านล้าน SGD | 51.874 ล้านล้าน SGD | รายเดือน |
🇸🇬 ยอดการค้า | 4.563 ล้านล้าน SGD | 4.517 ล้านล้าน SGD | รายเดือน |
🇸🇬 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | 34.572 ล้านล้าน SGD | 37.68 ล้านล้าน SGD | ควอร์เตอร์ |
🇸🇬 ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า | 1.27 ล้าน | 1.54 ล้าน | รายเดือน |
🇸🇬 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | 19.8 % of GDP | 18 % of GDP | ประจำปี |
🇸🇬 ส่งออก | 56.442 ล้านล้าน SGD | 57.768 ล้านล้าน SGD | รายเดือน |
🇸🇬 หนี้สินต่างประเทศ | 2.726 ชีวภาพ. SGD | 2.706 ชีวภาพ. SGD | ควอร์เตอร์ |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇮🇱อิสราเอล
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญในด้านเศรษฐกิจมหภาคที่มีบทบาทสำคัญต่อนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในปัจจุบัน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีความหมายถึงการลงทุนโดยหน่วยงานหรือบุคคลจากประเทศหนึ่งเข้าไปลงทุนในกิจการของประเทศอื่น โดยมีการถือหุ้นหรือสิทธิ์ในการบริหารจัดการกิจการนั้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งต่างกับการลงทุนทางการเงินที่เน้นการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อหากำไรในระยะสั้น ปัจจัยที่ทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีความสำคัญมากในระบบเศรษฐกิจมหภาค ประเทศที่ได้รับการลงทุนจากต่างประเทศมักจะได้รับประโยชน์ทั้งในด้านการเพิ่มพูนทุนทรัพย์สิน การสร้างงานใหม่ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเพิ่มผลผลิต ผู้ลงทุนต่างประเทศมักจะมองหาสิ่งที่พวกเขาสามารถได้รับจากการลงทุน เช่น ผลตอบแทนที่สูงขึ้น การกระจายความเสี่ยง การเข้าถึงแหล่งทรัพยากร หรือการขยายตลาดใหม่ ซึ่งทุกปัจจัยเหล่านี้มีผลกับการตัดสินใจทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค ในมุมมองของประเทศที่รับการลงทุน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ นักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนชี้ว่า FDI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ผ่านการนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ นอกจากนั้น การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศยังสามารถช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน โรงงาน และระบบสื่อสาร ซึ่งจะช่วยให้ภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจสามารถขยับขยายและพัฒนาได้เร็วขึ้น อีกประเด็นที่สำคัญคือผลกระทบต่อการว่างงาน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมักจะนำไปสู่การสร้างงานใหม่ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เมื่อมีการสร้างงานใหม่ขึ้น ไม่เพียงแต่จะช่วยลดอัตราการว่างงาน แต่ยังช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศที่มากขึ้น การใช้จ่ายนี้เองจะนำไปสู่การหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพและสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอันยั่งยืน สำหรับประเทศไทย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศถือเป็นแหล่งทุนที่สำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตและพัฒนาต่อไปได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนโยบายที่เปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รัฐบาลไทยได้มีการออกกฎหมายและนโยบายที่ส่งเสริมและสร้างความเอื้อต่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษี การให้สิทธิเข้าถึงทรัพยากรอย่างเป็นธรรม และการส่งเสริมการลงทุนในคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้ ยังมีการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zones หรือ SEZ) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการให้สิทธิพิเศษในการลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ เขตเศรษฐกิจพิเศษเหล่านี้มักจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมให้บริการ การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนและสามารถลดความเสี่ยงในระดับหนึ่ง เมื่อพูดถึงปัจจัยที่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทย มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ความเป็นกลางทางการเมือง ศักยภาพทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานที่เติบโต และการเปิดเสรีทางการค้าเป็นเพียงบางส่วนของปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายการลงทุนที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม การมีนโยบายที่ชัดเจนและความโปร่งใสในการบริหารจัดการเป็นสิ่งที่จะไม่สามารถละเลยได้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทยไม่ได้มีเพียงแต่ผลบวกเท่านั้น ยังมีผลกระทบบางประการที่ต้องระมัดระวัง เช่น การเข้าไปควบคุมกิจการที่อาจจะผูกขาดตลาด หรือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินกว่าความจำเป็น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การลงทุนเหล่านี้มีประโยชน์สูงสุดแก่เศรษฐกิจและประชาชนในประเทศ นอกจากนี้ การพัฒนาเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่มีความสามารถเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญในการรับมือกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การมีบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถสูงจะทำให้ประเทศมีโอกาสในการเจรจาและบริหารจัดการการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการพัฒนาทางทักษะที่คงอยู่และลดการพึ่งพาทรัพยากรจากต่างประเทศ สุดท้ายนี้ การมีข้อมูลครบถ้วนและเชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เว็บไซต์ eulerpool ของเราเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ในการนำเสนอข้อมูลด้านเศรษฐกิจมหภาค ทีมงานของเรามุ่งมั่นในการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน และถูกต้องที่สุดเพื่อช่วยให้นักลงทุนและผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นหนึ่งในเครื่องหมายที่จะบอกถึงสุขภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นการทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อให้เราสามารถอยู่รอดและเติบโตในโลกเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว