ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร รวันดา ตัวคูณจีดีพี (GDP)
ราคา
ค่าปัจจุบันของ ตัวคูณจีดีพี (GDP) ใน รวันดา คือ 149 คะแนน ตัวคูณจีดีพี (GDP) ใน รวันดา เพิ่มขึ้นเป็น 149 คะแนน เมื่อ 1/12/2566 หลังจากที่เป็น 146 คะแนน เมื่อ 1/9/2566 จาก 1/3/2549 ถึง 1/3/2567 ค่าเฉลี่ยของ GDP ใน รวันดา คือ 90.79 คะแนน ค่าสูงสุดตลอดกาลคือวันที่ 1/12/2566 ที่ 149 คะแนน ในขณะที่ค่าต่ำสุดบันทึกไว้เมื่อ 1/3/2549 ที่ 49 คะแนน
ตัวคูณจีดีพี (GDP) ·
แม็กซ์
ตัวคูณ GDP | |
---|---|
1/3/2549 | 49 points |
1/6/2549 | 52 points |
1/9/2549 | 50 points |
1/12/2549 | 52 points |
1/3/2550 | 55 points |
1/6/2550 | 58 points |
1/9/2550 | 58 points |
1/12/2550 | 58 points |
1/3/2551 | 60 points |
1/6/2551 | 64 points |
1/9/2551 | 67 points |
1/12/2551 | 70 points |
1/3/2552 | 69 points |
1/6/2552 | 69 points |
1/9/2552 | 70 points |
1/12/2552 | 72 points |
1/3/2553 | 72 points |
1/6/2553 | 72 points |
1/9/2553 | 73 points |
1/12/2553 | 74 points |
1/3/2554 | 75 points |
1/6/2554 | 79 points |
1/9/2554 | 78 points |
1/12/2554 | 79 points |
1/3/2555 | 80 points |
1/6/2555 | 82 points |
1/9/2555 | 82 points |
1/12/2555 | 82 points |
1/3/2556 | 83 points |
1/6/2556 | 83 points |
1/9/2556 | 84 points |
1/12/2556 | 85 points |
1/3/2557 | 87 points |
1/6/2557 | 88 points |
1/9/2557 | 87 points |
1/12/2557 | 87 points |
1/3/2558 | 87 points |
1/6/2558 | 87 points |
1/9/2558 | 88 points |
1/12/2558 | 89 points |
1/3/2559 | 89 points |
1/6/2559 | 91 points |
1/9/2559 | 93 points |
1/12/2559 | 97 points |
1/3/2560 | 99 points |
1/6/2560 | 101 points |
1/9/2560 | 99 points |
1/12/2560 | 101 points |
1/3/2561 | 99 points |
1/6/2561 | 100 points |
1/9/2561 | 99 points |
1/12/2561 | 99 points |
1/3/2562 | 99 points |
1/6/2562 | 102 points |
1/9/2562 | 101 points |
1/12/2562 | 105 points |
1/3/2563 | 107 points |
1/6/2563 | 108 points |
1/9/2563 | 110 points |
1/12/2563 | 110 points |
1/3/2564 | 111 points |
1/6/2564 | 110 points |
1/9/2564 | 112 points |
1/12/2564 | 114 points |
1/3/2565 | 120 points |
1/6/2565 | 126 points |
1/9/2565 | 132 points |
1/12/2565 | 139 points |
1/3/2566 | 142 points |
1/6/2566 | 133 points |
1/9/2566 | 146 points |
1/12/2566 | 149 points |
ตัวคูณจีดีพี (GDP) ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/12/2566 | 149 คะแนน |
1/9/2566 | 146 คะแนน |
1/6/2566 | 133 คะแนน |
1/3/2566 | 142 คะแนน |
1/12/2565 | 139 คะแนน |
1/9/2565 | 132 คะแนน |
1/6/2565 | 126 คะแนน |
1/3/2565 | 120 คะแนน |
1/12/2564 | 114 คะแนน |
1/9/2564 | 112 คะแนน |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ตัวคูณจีดีพี (GDP)
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇷🇼 CPI Transport | 171.559 points | 170.824 points | รายเดือน |
🇷🇼 การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต | 6.9 % | 10 % | รายเดือน |
🇷🇼 เงินเฟ้อด้านอาหาร | 3.5 % | -6.6 % | รายเดือน |
🇷🇼 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) | 193.387 points | 195.3 points | รายเดือน |
🇷🇼 ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง | 150.67 points | 150.22 points | รายเดือน |
🇷🇼 ต้นทุนการผลิต | 203.89 points | 204.268 points | รายเดือน |
🇷🇼 อัตราเงินเฟ้อ | 1.3 % | -0.5 % | รายเดือน |
🇷🇼 อัตราเงินเฟ้อ MoM | -1 % | 0.6 % | รายเดือน |
🇷🇼 อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตรายเดือน | -1.2 % | -0.2 % | รายเดือน |
🇷🇼 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน | 7 % | 7.2 % | รายเดือน |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน แอฟริกา
- 🇩🇿แอลจีเรีย
- 🇦🇴แองโกลา
- 🇧🇯เบนิน
- 🇧🇼บอตสวานา
- 🇧🇫บูร์กินาฟาโซ
- 🇧🇮บุรุนดี
- 🇨🇲กาเมอรูน
- 🇨🇻คาบูเวิร์เด
- 🇨🇫สาธารณรัฐแอฟริกากลาง
- 🇹🇩ชาด
- 🇰🇲โคมอรอส
- 🇨🇬คองโก
- 🇿🇦แอฟริกาใต้
- 🇩🇯จิบูตี
- 🇪🇬อียิปต์
- 🇬🇶อิเควทอเรียลกินี
- 🇪🇷เอริเทรีย
- 🇪🇹เอธิโอเปีย
- 🇬🇦กาบอง
- 🇬🇲แกมเบีย
- 🇬🇭กานา
- 🇬🇳กินี
- 🇬🇼กินี-บิสเซา
- 🇨🇮ไอวอรีโคสต์
- 🇰🇪เคนยา
- 🇱🇸เลโซโท
- 🇱🇷ไลบีเรีย
- 🇱🇾ลิเบีย
- 🇲🇬มาดากัสการ์
- 🇲🇼มาลาวี
- 🇲🇱มาลี
- 🇲🇷มอริเตเนีย
- 🇲🇺มอริเชียส
- 🇲🇦โมร็อกโก
- 🇲🇿โมซัมบิก
- 🇳🇦นามิเบีย
- 🇳🇪ไนเจอร์
- 🇳🇬ไนจีเรีย
- 🇸🇹เซาตูเมและปรินซิปี
- 🇸🇳เซเนกัล
- 🇸🇨เซเชล
- 🇸🇱เซียร์ราลีโอน
- 🇸🇴โซมาเลีย
- ซูดานใต้
- 🇸🇩ซูดาน
- 🇸🇿สวาซิแลนด์
- 🇹🇿แทนซาเนีย
- 🇹🇬โตโก
- 🇹🇳ตูนิเซีย
- 🇺🇬ยูกันดา
- 🇿🇲แซมเบีย
- 🇿🇼ซิมบับเว
คืออะไร ตัวคูณจีดีพี (GDP)
GDP Deflator (ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) เป็นหนึ่งในดัชนีที่สำคัญที่สุดที่ถูกใช้ในวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค เป็นตัวชี้วัดเชิงตัวเลขที่ช่วยให้เราสามารถประเมินแนวโน้มของราคาและราคาเงินเฟ้อได้ โดยการแยกปัจจัยที่เป็นปริมาณการผลิตออกจากปัจจัยที่เป็นการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ และวัดการเปลี่ยนแปลงราคาของทุกสินค้าภายในประเทศเรื่องนี้มีความหมายอย่างมากในการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจมหภาค เนื่องจากสามารถช่วยให้ทางรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงนักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในภาคการศึกษาเศรษฐศาสตร์ การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศส่วนใหญ่จะถูกมองว่าเป็นสัญญาณหนึ่งของเงินเฟ้อ เนื่องจากหากราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะมีผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อสินค้าของผู้บริโภค และสร้างแรงกดดันให้กับธุรกิจในการกำหนดราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น GDP Deflator นั้นไม่เหมือนกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เนื่องจากมันไม่จำกัดแค่รายการของสินค้าหรือบริการที่ถูกกำหนดในตะกร้าสินค้า แต่จะคำนวณจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าทุกประเภทที่ถูกผลิตภายในประเทศดังนั้น มันจึงให้ภาพที่ครอบคลุมมากกว่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของราคาในเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังช่วยให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคาในภาคการผลิต การบริโภค การลงทุน และการค้าระหว่างประเทศในภาพรวม การคำนวน GDP Deflator ทำนั้นเรียบง่ายในทางทฤษฎี โดยเศรษฐกิจที่เป็นตัวแทนของการคำนวณนี้แสดงผ่านสมการ GDP Deflator = (nGDP / rGDP) * 100 ซึ่ง nGDP (Nominal GDP) คือมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเรียลมูลค่าปัจจุบันที่ยังไม่ได้ ปรับปรุงตามดัชนีเงินเฟ้อ ส่วน rGDP (Real GDP) คือมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ถูกปรับปรุงตามดัชนีเงินเฟ้อสมการนี้ทำให้เราสามารถแยกความแตกต่างระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิตและการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าได้อย่างง่ายดาย ความสำคัญของ GDP Deflator นั้นไม่สามารถประมาทได้ แน่นอนเราสามารถนำดัชนีนี้มาใช้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาวและระยะสั้น ตลอดจนการคาดการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อในอนาคต โดยทั่วไปดัชนีนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเปรียบเทียบระดับราคาของแต่ละช่วงเวลาสร้างความชัดเจนในการวิเคราะห์ว่าสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลามีแนวโน้มและสถานการณ์ที่เป็นอย่างไร นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน รวมไปถึงนักลงทุน จะใช้ GDP Deflator เพื่อวิเคราะห์ถึงความเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดได้ดียิ่งขึ้นตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่ต้องการวิเคราะห์การลงทุนในระยะยาวอาจจะมองหาสัญญาณที่แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของดัชนีนี้เนื่องจากมันสามารถบอกได้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะแข็งแรงขึ้นหรือมีความเสถียรและชัดเจนขึ้น แต่ในทางกลับกันหาก GDP Deflator ลดลง ก็อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ถึงการลดลงของระดับราคาสินค้าและบริการ ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบทางลบในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจ นอกจากนี้การวิเคราะห์ GDP Deflator ยังช่วยให้สามารถประเมินความสามารถในการบริโภคของประชาชนได้อย่างชัดเจนมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของดัชนีนี้สามารถสื่อถึงว่าประชาชนอาจจะมีความสามารถในการบริโภคน้อยลงเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคา ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงของความต้องการสินค้าบางประเภท สิ่งนี้ยังมีผลกระทบต่อการวางแผนการผลิตและการบริหารจัดการของธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มนี้ตามไปด้วย ในทำนองเดียวกัน GDP Deflator ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนในระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน เช่นการปรับอัตราดอกเบี้ย หรือการกำหนดนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้งบประมาณของรัฐบาลในการลงทุนในภาคส่วนต่างๆ จะต้องพิจารณาถึงดัชนีนี้อย่างถี่ถ้วนเพื่อให้การดำเนินนโยบายในแต่ละระดับมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นๆ สุดท้ายนี้ การทำความเข้าใจดัชนี GDP Deflator และการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องยังจำเป็นต้องอาศัยความตั้งใจและความระมัดระวังในการประมวลผล เนื่องจากเศรษฐกิจเป็นระบบที่มีความซับซ้อนการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและครบถ้วนมีความสำคัญอย่างมากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจและการวางแผนที่ดีที่สุดสำหรับทุกภาคส่วนของสังคม เว็บไซต์ eulerpool ของเรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอข้อมูลดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศพร้อมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ครอบคลุมและทันสมัย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญและใช้ในการวิเคราะห์เศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ