ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇵🇱

โปแลนด์ อัตราเงินเฟ้อ

ราคา

2.5 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
+0.1 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+4.08 %

ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน โปแลนด์ คือ 2.5 %. อัตราเงินเฟ้อ ใน โปแลนด์ เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 % เมื่อ 1/5/2567 หลังจากที่เคยเป็น 2.4 % เมื่อ 1/4/2567. จาก 1/1/2535 ถึง 1/6/2567, GDP เฉลี่ยใน โปแลนด์ คือ 8.15 %. ค่าสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/4/2535 ที่ 46.5 % ขณะที่ค่าต่ำสุดเกิดขึ้นเมื่อ 1/2/2558 ที่ -1.6 %.

แหล่งที่มา: Central Statistical Office of Poland (GUS)

อัตราเงินเฟ้อ

  • แม็กซ์

อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/5/25672.5 %
1/4/25672.4 %
1/3/25672 %
1/2/25672.8 %
1/1/25673.7 %
1/12/25666.2 %
1/11/25666.6 %
1/10/25666.6 %
1/9/25668.2 %
1/8/256610.1 %
1
2
3
4
5
...
36

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇵🇱
การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต
-7 %-8.5 %รายเดือน
🇵🇱
เงินเฟ้อด้านอาหาร
3.2 %2.5 %รายเดือน
🇵🇱
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
255.2 points254.9 pointsรายเดือน
🇵🇱
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ปรับเทียบแล้ว
148.4 points148.2 pointsรายเดือน
🇵🇱
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
149.421 points149.261 pointsรายเดือน
🇵🇱
ต้นทุนการผลิต
117 points116.9 pointsรายเดือน
🇵🇱
ตัวคูณ GDP
144.96 points144.909 pointsควอร์เตอร์
🇵🇱
ราคานำเข้า
87.6 points87.2 pointsรายเดือน
🇵🇱
ราคาส่งออก
86.6 points84.2 pointsรายเดือน
🇵🇱
อัตราเงินเฟ้อ MoM
0.1 %0.1 %รายเดือน
🇵🇱
อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากัน YoY
2.8 %3 %รายเดือน
🇵🇱
อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากันรายเดือน
0.1 %1 %รายเดือน
🇵🇱
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
3.8 %4.1 %รายเดือน

ในประเทศโปแลนด์ หมวดหมู่ที่สำคัญที่สุดในดัชนีราคาผู้บริโภคประกอบด้วย: อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (24 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทั้งหมด); พลังงาน/การบำรุงรักษาที่อยู่อาศัย (21 เปอร์เซ็นต์); การขนส่ง (9 เปอร์เซ็นต์); การพักผ่อนและวัฒนธรรม (7 เปอร์เซ็นต์). แอลกอฮอล์และยาสูบ, สุขภาพ, สินค้าและบริการอื่นๆ และเสื้อผ้า คิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ต่ออัน. การสื่อสาร, ร้านอาหารและโรงแรม, เครื่องใช้ในครัวเรือน และการศึกษา คิดเป็น 17 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือของน้ำหนักทั้งหมด.

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ