ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร โมซัมบิก การนำเข้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของการนำเข้าใน โมซัมบิก อยู่ที่ 2.249 ล้านล้าน USD การนำเข้าใน โมซัมบิก เพิ่มขึ้นเป็น 2.249 ล้านล้าน USD เมื่อ 1/9/2566 หลังจากที่มันอยู่ที่ 2.249 ล้านล้าน USD เมื่อ 1/6/2566 ตั้งแต่ 1/12/2523 ถึง 1/9/2566 GDP เฉลี่ยใน โมซัมบิก อยู่ที่ 1.05 ล้านล้าน USD มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถูกทำได้เมื่อ 1/3/2565 โดยมีมูลค่า 6.12 ล้านล้าน USD ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อ 1/9/2541 โดยมีมูลค่า 69.7 ล้าน USD
การนำเข้า ·
แม็กซ์
นำเข้า | |
---|---|
1/12/2523 | 720.18 ล้าน USD |
1/12/2524 | 720.99 ล้าน USD |
1/12/2525 | 752.31 ล้าน USD |
1/12/2526 | 572.76 ล้าน USD |
1/12/2527 | 485.73 ล้าน USD |
1/12/2528 | 381.33 ล้าน USD |
1/12/2529 | 488.43 ล้าน USD |
1/12/2530 | 577.8 ล้าน USD |
1/12/2531 | 662.04 ล้าน USD |
1/12/2532 | 726.93 ล้าน USD |
1/12/2533 | 789.75 ล้าน USD |
1/12/2534 | 808.92 ล้าน USD |
1/12/2535 | 769.5 ล้าน USD |
1/12/2536 | 859.23 ล้าน USD |
1/12/2537 | 916.65 ล้าน USD |
1/12/2538 | 654.3 ล้าน USD |
1/3/2539 | 210.2 ล้าน USD |
1/6/2539 | 113 ล้าน USD |
1/9/2539 | 184.3 ล้าน USD |
1/12/2539 | 196.8 ล้าน USD |
1/3/2540 | 120 ล้าน USD |
1/6/2540 | 203.2 ล้าน USD |
1/9/2540 | 265 ล้าน USD |
1/12/2540 | 95.9 ล้าน USD |
1/3/2541 | 156.1 ล้าน USD |
1/6/2541 | 277 ล้าน USD |
1/9/2541 | 69.7 ล้าน USD |
1/12/2541 | 232.8 ล้าน USD |
1/3/2542 | 215.2 ล้าน USD |
1/6/2542 | 271.9 ล้าน USD |
1/9/2542 | 321.1 ล้าน USD |
1/12/2542 | 281.9 ล้าน USD |
1/3/2543 | 292.7 ล้าน USD |
1/6/2543 | 235.7 ล้าน USD |
1/9/2543 | 246.7 ล้าน USD |
1/12/2543 | 281.4 ล้าน USD |
1/3/2544 | 263.1 ล้าน USD |
1/6/2544 | 193.1 ล้าน USD |
1/9/2544 | 270.8 ล้าน USD |
1/12/2544 | 239.7 ล้าน USD |
1/3/2545 | 363.8 ล้าน USD |
1/6/2545 | 338 ล้าน USD |
1/9/2545 | 367.9 ล้าน USD |
1/12/2545 | 406.8 ล้าน USD |
1/3/2546 | 367.9 ล้าน USD |
1/6/2546 | 370 ล้าน USD |
1/9/2546 | 443.4 ล้าน USD |
1/12/2546 | 466.7 ล้าน USD |
1/3/2547 | 411.9 ล้าน USD |
1/6/2547 | 467.9 ล้าน USD |
1/9/2547 | 486.4 ล้าน USD |
1/12/2547 | 483.5 ล้าน USD |
1/3/2548 | 516.8 ล้าน USD |
1/6/2548 | 512.5 ล้าน USD |
1/9/2548 | 556.5 ล้าน USD |
1/12/2548 | 656.5 ล้าน USD |
1/3/2549 | 616.2 ล้าน USD |
1/6/2549 | 683.3 ล้าน USD |
1/9/2549 | 676.4 ล้าน USD |
1/12/2549 | 672.9 ล้าน USD |
1/3/2550 | 626.5 ล้าน USD |
1/6/2550 | 672 ล้าน USD |
1/9/2550 | 740.1 ล้าน USD |
1/12/2550 | 772.5 ล้าน USD |
1/3/2551 | 700.5 ล้าน USD |
1/6/2551 | 897.2 ล้าน USD |
1/9/2551 | 1.05 ล้านล้าน USD |
1/12/2551 | 993.9 ล้าน USD |
1/3/2552 | 814.7 ล้าน USD |
1/6/2552 | 805.5 ล้าน USD |
1/9/2552 | 861 ล้าน USD |
1/12/2552 | 940.8 ล้าน USD |
1/3/2553 | 822.7 ล้าน USD |
1/6/2553 | 909.3 ล้าน USD |
1/9/2553 | 873.6 ล้าน USD |
1/12/2553 | 906.8 ล้าน USD |
1/3/2554 | 1.3 ล้านล้าน USD |
1/6/2554 | 1.13 ล้านล้าน USD |
1/9/2554 | 1.62 ล้านล้าน USD |
1/12/2554 | 1.31 ล้านล้าน USD |
1/3/2555 | 1.91 ล้านล้าน USD |
1/6/2555 | 1.96 ล้านล้าน USD |
1/9/2555 | 1.6 ล้านล้าน USD |
1/12/2555 | 2.43 ล้านล้าน USD |
1/3/2556 | 1.85 ล้านล้าน USD |
1/6/2556 | 2.16 ล้านล้าน USD |
1/9/2556 | 2.2 ล้านล้าน USD |
1/12/2556 | 2.28 ล้านล้าน USD |
1/3/2557 | 1.53 ล้านล้าน USD |
1/6/2557 | 2.1 ล้านล้าน USD |
1/9/2557 | 2.21 ล้านล้าน USD |
1/12/2557 | 2.11 ล้านล้าน USD |
1/3/2558 | 1.63 ล้านล้าน USD |
1/6/2558 | 1.9 ล้านล้าน USD |
1/9/2558 | 2.13 ล้านล้าน USD |
1/12/2558 | 1.92 ล้านล้าน USD |
1/3/2559 | 1.24 ล้านล้าน USD |
1/6/2559 | 1.28 ล้านล้าน USD |
1/9/2559 | 1.23 ล้านล้าน USD |
1/12/2559 | 987.2 ล้าน USD |
1/3/2560 | 1.36 ล้านล้าน USD |
1/6/2560 | 1.19 ล้านล้าน USD |
1/9/2560 | 1.2 ล้านล้าน USD |
1/12/2560 | 1.47 ล้านล้าน USD |
1/3/2561 | 1.45 ล้านล้าน USD |
1/6/2561 | 1.52 ล้านล้าน USD |
1/9/2561 | 1.54 ล้านล้าน USD |
1/12/2561 | 1.67 ล้านล้าน USD |
1/3/2562 | 1.45 ล้านล้าน USD |
1/6/2562 | 1.6 ล้านล้าน USD |
1/9/2562 | 1.79 ล้านล้าน USD |
1/12/2562 | 1.9 ล้านล้าน USD |
1/3/2563 | 1.78 ล้านล้าน USD |
1/6/2563 | 1.27 ล้านล้าน USD |
1/9/2563 | 1.36 ล้านล้าน USD |
1/12/2563 | 1.47 ล้านล้าน USD |
1/3/2564 | 1.54 ล้านล้าน USD |
1/6/2564 | 1.96 ล้านล้าน USD |
1/9/2564 | 2.04 ล้านล้าน USD |
1/12/2564 | 2.29 ล้านล้าน USD |
1/3/2565 | 6.12 ล้านล้าน USD |
1/6/2565 | 2.31 ล้านล้าน USD |
1/9/2565 | 2.46 ล้านล้าน USD |
1/12/2565 | 2.45 ล้านล้าน USD |
1/3/2566 | 2.07 ล้านล้าน USD |
1/6/2566 | 2.25 ล้านล้าน USD |
1/9/2566 | 2.25 ล้านล้าน USD |
การนำเข้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/9/2566 | 2.249 ล้านล้าน USD |
1/6/2566 | 2.249 ล้านล้าน USD |
1/3/2566 | 2.072 ล้านล้าน USD |
1/12/2565 | 2.452 ล้านล้าน USD |
1/9/2565 | 2.455 ล้านล้าน USD |
1/6/2565 | 2.31 ล้านล้าน USD |
1/3/2565 | 6.121 ล้านล้าน USD |
1/12/2564 | 2.294 ล้านล้าน USD |
1/9/2564 | 2.039 ล้านล้าน USD |
1/6/2564 | 1.959 ล้านล้าน USD |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ การนำเข้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇲🇿 กระแสเงินทุน | 102.4 ล้าน USD | -433.5 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇲🇿 ดัชนีการก่อการร้าย | 6.267 Points | 7.33 Points | ประจำปี |
🇲🇿 ทองคำสำรอง | 3.94 Tonnes | 3.94 Tonnes | ควอร์เตอร์ |
🇲🇿 ยอดการค้า | -28.7 ล้าน USD | -236.5 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇲🇿 ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด | -505.6 ล้าน USD | -359.8 ล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
🇲🇿 ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า | 322,270 | 213,544 | ประจำปี |
🇲🇿 ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP | -39.1 % of GDP | -23.6 % of GDP | ประจำปี |
🇲🇿 ส่งออก | 2.221 ล้านล้าน USD | 2.012 ล้านล้าน USD | ควอร์เตอร์ |
โมซัมบิกนำเข้าสินค้าที่เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ยานพาหนะ เชื้อเพลิง สารเคมี ผลิตภัณฑ์โลหะ และอาหาร คู่ค้าสำคัญในการนำเข้าของโมซัมบิก ได้แก่ ประเทศแอฟริกาใต้ เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น จีน และโปรตุเกส
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน แอฟริกา
- 🇩🇿แอลจีเรีย
- 🇦🇴แองโกลา
- 🇧🇯เบนิน
- 🇧🇼บอตสวานา
- 🇧🇫บูร์กินาฟาโซ
- 🇧🇮บุรุนดี
- 🇨🇲กาเมอรูน
- 🇨🇻คาบูเวิร์เด
- 🇨🇫สาธารณรัฐแอฟริกากลาง
- 🇹🇩ชาด
- 🇰🇲โคมอรอส
- 🇨🇬คองโก
- 🇿🇦แอฟริกาใต้
- 🇩🇯จิบูตี
- 🇪🇬อียิปต์
- 🇬🇶อิเควทอเรียลกินี
- 🇪🇷เอริเทรีย
- 🇪🇹เอธิโอเปีย
- 🇬🇦กาบอง
- 🇬🇲แกมเบีย
- 🇬🇭กานา
- 🇬🇳กินี
- 🇬🇼กินี-บิสเซา
- 🇨🇮ไอวอรีโคสต์
- 🇰🇪เคนยา
- 🇱🇸เลโซโท
- 🇱🇷ไลบีเรีย
- 🇱🇾ลิเบีย
- 🇲🇬มาดากัสการ์
- 🇲🇼มาลาวี
- 🇲🇱มาลี
- 🇲🇷มอริเตเนีย
- 🇲🇺มอริเชียส
- 🇲🇦โมร็อกโก
- 🇳🇦นามิเบีย
- 🇳🇪ไนเจอร์
- 🇳🇬ไนจีเรีย
- 🇷🇼รวันดา
- 🇸🇹เซาตูเมและปรินซิปี
- 🇸🇳เซเนกัล
- 🇸🇨เซเชล
- 🇸🇱เซียร์ราลีโอน
- 🇸🇴โซมาเลีย
- ซูดานใต้
- 🇸🇩ซูดาน
- 🇸🇿สวาซิแลนด์
- 🇹🇿แทนซาเนีย
- 🇹🇬โตโก
- 🇹🇳ตูนิเซีย
- 🇺🇬ยูกันดา
- 🇿🇲แซมเบีย
- 🇿🇼ซิมบับเว
คืออะไร การนำเข้า
การนำเข้า การนำเข้าถือเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งของเศรษฐกิจมหภาค และเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีผลกระทบสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในระดับประเทศ การนำเข้าหมายถึงการที่ประเทศหนึ่งมีการซื้อสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการผลิตหรือจำหน่ายต่อ การนำเข้ามีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากสามารถเติมเต็มความต้องการของตลาดภายในประเทศที่ขาดแคลน หรือไม่ได้ผลิตขึ้นในประเทศนั้นๆ การนำเข้ามีผลกระทบที่หลายหลายต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งในทางบวกและทางลบ ทางด้านบวก การนำเข้าสามารถช่วยให้ประชาชนมีการเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีส่วนช่วยในการยกระดับมาตรฐานการครองชีพ เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยให้การผลิตของประเทศเกิดการพัฒนาและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ ในทางกลับกัน การนำเข้าก็อาจมีผลกระทบทางลบ เช่น การทำให้เกิดการเสริมสร้างภาระทางการเงินภายนอกของประเทศมากขึ้น หรือส่งผลกระทบให้เกิดการขาดดุลทางการค้า สินค้าภายในประเทศอาจไม่ได้รับการสนับสนุนหรือได้รับการพัฒนาที่เพียงพอหากพึ่งพาการนำเข้ามากเกินไป สำหรับประเทศไทย สินค้านำเข้ามีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทุน (capital goods) ที่ใช้ในการผลิต อุปกรณ์เทคโนโลยี เครื่องจักรต่างๆ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค (consumer goods) เช่นอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าแฟชั่น และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ การนำเข้าเหล่านี้สามารถช่วยยกระดับมาตรฐานของการผลิตในประเทศได้ การนำเข้ายังสามารถชี้วัดถึงสุขภาพของเศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อระดับการนำเข้าสูงมากๆ อาจบ่งบอกถึงการที่ภาคธุรกิจต้องการขยายการผลิต ซึ่งจะใช้วัตถุดิบนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิต อย่างไรก็ตาม ก็อาจต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ร่วมด้วย เช่น ภาวะทางการเงินภายนอก ค่าเงิน อัตราภาษีศุลกากร และนโยบายการค้าต่างประเทศ ที่ eulerpool เว็บไซต์ของเรามุ่งมั่นในการจัดเตรียมข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ครอบคลุมและแม่นยำที่สุด เพื่อที่จะช่วยให้นักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ นักวิจัย หรือผู้ที่สนใจในข้อมูลด้านเศรษฐกิจสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจ เว็บไซต์ของเราจะมีการอัปเดตข้อมูลการนำเข้าของประเทศไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งในแง่มูลค่าการนำเข้า ปริมาณการนำเข้า และประเภทสินค้านำเข้า ในปัจจุบัน ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างประเทศต่างๆ ได้ทำให้การนำเข้าเป็นปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้ การเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่ง สามารถส่งผลกระทบต่อการนำเข้าของประเทศอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว การเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มของการนำเข้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ตัวอย่างหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาษีศุลกากร ซึ่งสามารถส่งผลต่อปริมาณสินค้าที่นำเข้าได้โดยตรง การที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการนำเข้าในบางภาคส่วนหรือสินค้าบางประเภทโดยเฉพาะก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนนั้น การนำเข้ายังมีบทบาทสำคัญในด้านของการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ ประเทศที่ยังมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างไม่เต็มที่อาจต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบ เทคโนโลยี หรือเครื่องจักรจากต่างประเทศ การนำเข้าเหล่านี้จะช่วยให้กระบวนการผลิตภายในประเทศเติบโตมากขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ สำหรับประเทศไทย การนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสินค้าส่งออกที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจโลกและความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศก็มีผลกระทบต่อการนำเข้าเช่นกัน การเกิดสงครามการค้า หรือการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของประเทศคู่ค้า อาจทำให้การนำเข้าสินค้าจากประเทศนั้นๆ ประสบปัญหา สิ่งนี้ทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนต้องมีการวางแผนและพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศใดประเทศหนึ่ง การทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความยั่งยืนในระยะยาวจำเป็นต้องมีการจัดการและควบคุมการนำเข้าอย่างมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการผลิตของประเทศและเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ สรุปแล้ว การนำเข้าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินเศรษฐกิจของประเทศ สามารถสร้างโอกาสในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการผลิตภายในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการนำเข้าและการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ eulerpool ของเรายังคงยึดมั่นในการจัดเตรียมข้อมูลที่มีคุณภาพและทันสมัย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์และสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจได้ต่อไป