ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇲🇽

เม็กซิโก อัตราเงินเฟ้อ

ราคา

4.69 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
+0.04 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+0.86 %

ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน เม็กซิโก คือ 4.69 %. อัตราเงินเฟ้อ ใน เม็กซิโก เพิ่มขึ้นเป็น 4.69 % เมื่อ 1/5/2567 หลังจากที่เคยเป็น 4.65 % เมื่อ 1/4/2567. จาก 1/1/2517 ถึง 1/5/2567, GDP เฉลี่ยใน เม็กซิโก คือ 22.61 %. ค่าสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/2/2531 ที่ 179.73 % ขณะที่ค่าต่ำสุดเกิดขึ้นเมื่อ 1/12/2558 ที่ 2.13 %.

แหล่งที่มา: Instituto Nacional de Estadística y Geografía (INEGI)

อัตราเงินเฟ้อ

  • แม็กซ์

อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/5/25674.69 %
1/4/25674.65 %
1/3/25674.42 %
1/2/25674.4 %
1/1/25674.88 %
1/12/25664.66 %
1/11/25664.32 %
1/10/25664.26 %
1/9/25664.45 %
1/8/25664.64 %
1
2
3
4
5
...
61

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇲🇽
CPI Transport
128.534 points128.085 pointsรายเดือน
🇲🇽
การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต
5.3 %4.8 %รายเดือน
🇲🇽
ความคาดหวังเงินเฟ้อ
3.85 %3.68 %รายเดือน
🇲🇽
เงินเฟ้อด้านอาหาร
6 %5.78 %รายเดือน
🇲🇽
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
136.1 points136 pointsรายเดือน
🇲🇽
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง
119.14 points118.84 pointsรายเดือน
🇲🇽
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
134.035 points133.803 pointsรายเดือน
🇲🇽
ต้นทุนการผลิต
124.861 points124.214 pointsรายเดือน
🇲🇽
ตัวคูณ GDP
131.82 points129.87 pointsควอร์เตอร์
🇲🇽
ราคานำเข้า
293.055 points292.192 pointsรายเดือน
🇲🇽
ราคาส่งออก
149.843 points149.597 pointsรายเดือน
🇲🇽
อัตราเงินเฟ้อ MoM
-0.19 %0.2 %รายเดือน
🇲🇽
อัตราเงินเฟ้อในกลางเดือน MoM
0.43 %0.09 %รายเดือน
🇲🇽
อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตรายเดือน
0.6 %-0.03 %รายเดือน
🇲🇽
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
3.91 %4 %รายเดือน
🇲🇽
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานประจำกลางเดือน YoY
3.87 %3.95 %รายเดือน
🇲🇽
อัตราเงินเฟ้อรายเดือน YoY
4.69 %4.66 %รายเดือน
🇲🇽
อัตราเงินเฟ้อหลัก MoM
0.28 %0.22 %รายเดือน
🇲🇽
อัตราเงินเฟ้อหลักในกลางเดือน MoM
0.23 %0.21 %รายเดือน

ในเม็กซิโก หมวดหมู่ที่สำคัญที่สุดในตะกร้า CPI ได้แก่ สินค้าไม่ใช่อาหาร (19.7 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทั้งหมด) ที่อยู่อาศัย (18.7 เปอร์เซ็นต์) และบริการอื่น ๆ (18.4 เปอร์เซ็นต์) อาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบคิดเป็น 14.8 เปอร์เซ็นต์ และพลังงานคิดเป็น 9.5 เปอร์เซ็นต์ หมวดหมู่อื่น ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน (5.3 เปอร์เซ็นต์) การศึกษา (5.1 เปอร์เซ็นต์) เนื้อสัตว์และไข่ (4.8 เปอร์เซ็นต์) และผลไม้และผัก (3.7 เปอร์เซ็นต์) ดัชนี CPI มีฐาน 100 ณ เดือนธันวาคม 2010 ดัชนีระดับประเทศติดตาม 46 เมืองใหญ่ กลาง และเล็ก

คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ