ลิทัวเนีย อัตราเงินเฟ้อ
ราคา
ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน ลิทัวเนีย คือ 4 %. อัตราเงินเฟ้อ ใน ลิทัวเนีย เพิ่มขึ้นเป็น 4 % เมื่อ 1/8/2568 หลังจากที่เคยเป็น 3.8 % เมื่อ 1/7/2568. จาก 1/6/2536 ถึง 1/8/2568, GDP เฉลี่ยใน ลิทัวเนีย คือ 15.13 %. ค่าสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/6/2536 ที่ 707.4 % ขณะที่ค่าต่ำสุดเกิดขึ้นเมื่อ 1/1/2546 ที่ -2 %.
อัตราเงินเฟ้อ
แม็กซ์
อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์
| วันที่ | มูลค่า |
|---|---|
| 1/8/2568 | 4 % |
| 1/7/2568 | 3.8 % |
| 1/6/2568 | 3.7 % |
| 1/5/2568 | 3.4 % |
| 1/4/2568 | 4.1 % |
| 1/3/2568 | 4.1 % |
| 1/2/2568 | 3.5 % |
| 1/1/2568 | 3.6 % |
| 1/12/2567 | 2.1 % |
| 1/11/2567 | 1.3 % |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ
| ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
|---|---|---|---|
🇱🇹 CPI Transport | 142.683 points | 143.62 points | รายเดือน |
🇱🇹 การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต | -1.8 % | -2.8 % | รายเดือน |
🇱🇹 เงินเฟ้อด้านอาหาร | 6 % | 5.5 % | รายเดือน |
🇱🇹 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) | 158.85 points | 159.19 points | รายเดือน |
🇱🇹 ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ปรับเทียบแล้ว | 156.37 points | 155.71 points | รายเดือน |
🇱🇹 ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง | 158.845 points | 158.255 points | รายเดือน |
🇱🇹 ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน | 149 points | 149.63 points | รายเดือน |
🇱🇹 ต้นทุนการผลิต | 116.9 points | 117.5 points | รายเดือน |
🇱🇹 ตัวคูณ GDP | 137.1 points | 133.1 points | ควอร์เตอร์ |
🇱🇹 ราคานำเข้า | 109.4 points | 109.5 points | ควอร์เตอร์ |
🇱🇹 ราคาส่งออก | 107.7 points | 107.8 points | ควอร์เตอร์ |
🇱🇹 อัตราเงินเฟ้อ MoM | -0.2 % | 0 % | รายเดือน |
🇱🇹 อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากัน YoY | 3.7 % | 3.6 % | รายเดือน |
🇱🇹 อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากันรายเดือน | 0.4 % | -0.3 % | รายเดือน |
🇱🇹 อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตรายเดือน | -0.5 % | 0.3 % | รายเดือน |
🇱🇹 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน | 3.1 % | 3.1 % | รายเดือน |
ในลิทัวเนีย, หมวดหมู่ที่สำคัญที่สุดในดัชนีราคาผู้บริโภคคือ อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (22 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทั้งหมด). การขนส่งคิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์; ที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภคคิดเป็น 13 เปอร์เซ็นต์; เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบคิดเป็น 8 เปอร์เซ็นต์; สุขภาพคิดเป็น 8 เปอร์เซ็นต์; การพักผ่อนและวัฒนธรรมคิดเป็น 7 เปอร์เซ็นต์; สินค้าและบริการเบ็ดเตล็ดคิดเป็น 7 เปอร์เซ็นต์; เสื้อผ้าและรองเท้าคิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์; เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ในครัวเรือนและการบำรุงรักษาคิดเป็น 5 เปอร์เซ็นต์; ร้านอาหารและโรงแรมคิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์; การสื่อสารคิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์; และการศึกษาคิดเป็น 2 เปอร์เซ็นต์.
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ

